รีเซต

ส่องหุ้นไทย ช่วง"การเมือง"ร้อนระอุ ลงทุนตัวไหนดี เช็กเลย!

ส่องหุ้นไทย ช่วง"การเมือง"ร้อนระอุ ลงทุนตัวไหนดี เช็กเลย!
TNN ช่อง16
30 สิงหาคม 2568 ( 15:59 )
19

อุณหภูมิการเมืองไทยเดือด ! หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ มติ 6 ต่อ 3 ให้น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.วัฒนธรรมสิ้นสุดลงเฉพาะตัวตาม รัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ คือ 1 ก.ค.2568 เนื่องจากผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงจากกรณีคลิปเสียง สนทนาระหว่าง "แพทองธาร" กับ "ฮุน เซน" ประธานวุฒิสภากัมพูชา เกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา

ขณะที่รัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 167 วรรคหนึ่ง (1) โดยให้นำมาตรา 168 วรรรคหนึ่ง (1) มาใช้บังคับกับการปฏิบัติหน้าที่ของคณะรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหตำแหน่งต่อไป

สิ้นเสียงคำวินิจฉัยหุ้นไทยวันที่ 29 ส.ค. ปิดร่วงแตะระดับ 1,236.61 จุด ดิ่งลง  13.48 จุด  หรือ -1.08% มูลค่าซื้อขาย 52,475.14 ล้านบาท  หลัง “แพทองธาร” หลุดเก้าอี้นายกฯ พร้อม ครม.ทั้งคณะ ส่วนแนวโน้มทิศทางหุ้นไทยเดือนก.ย.จะเป็นอย่างไร เม็ดเงินลงทุนจะชะลอลงทุนหรือไม่จากความไม่แน่นอนทางการเมือง วันนี้ TNN Online  ได้สัมภาษณ์นักวิเคราะห์ตลาดทุนจะมีความเห็นอย่างไรนั้น ตามไปส่องกันเลยค่ะ

เริ่มจาก “ภราดร  เตียรณปราโมทย์" ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส ฉายภาพว่า หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและครม.ทั้งคณะหยุดปฎิบัติหน้าที่อาจจะเห็นภาพการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองพรรคภูมิใจไทยพร้อมปฎิบัติตามเงื่อนไขของพรรคพลังประชาชน   ขณะที่รัฐบาลเพื่อไทยประกาศจับมือพรรคร่วมเดิม เสนอนายกฯใหม่เร็วที่สุด ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลจะต้องได้เสียงไม่ต่ำกว่า 247 เสียง ซึ่งคาดว่าจะเห็นภาพชัดเจนการโหวตนายกในเร็ววัน และถ้าสามารถตั้งนายกฯ ได้เร็วจะดึงความเชื่อมั่นนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ และทำให้การเบิกจ่ายงบประมาณปี 69 มีความต่อเนื่อง

สำหรับทิศทางหุ้นไทยในเดือนก.ย.ช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองคาดว่าจะผันผวนระยะสั้น  และถ้าสถานการณ์คลี่คลายผ่านพ้นไปด้วยดีในช่วง 2 เดือน SET Index จะฟื้นตัว ซึ่งจากข้อมูลในอดีตพบว่า หุ้นจะดีดปรับขึ้น 10% เช่นกรณีของ "พิธา ลิ้มเจริญรัตน์" ที่เกิดขึ้นในปี 66  ที่ศาลตัดสินให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ในการเป็น  ส.ส.และโหวตการเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ผ่าน หลังจากนั้น 49 วันหุ้นขึ้น 5.7%

จากนั้นวันที่  14 ส.ค. 67  ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินให้ "เศรษฐา ทวีสิน" พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ปมตั้ง "พิชิต ชื่นบาน" เป็นรัฐมนตรี  หลังจากนั้น 66 วันหุ้นขึ้น 14.8% เนื่องจากมีความชัดเจนด้านการเมือง  

ซึ่งถ้าพรรคภูมิใจไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหุ้นที่น่าจะตอบรับได้ดีคือหุ้น STECON, STPI แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยยังเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล หุ้นที่ได้รับประโยชน์คือ BEM, BTS, ADVANC,SC,SIRI


อย่างไรก็ตาม ภาพการลงทุนในเดือนก.ย. ต้องพิถีพิถันมากขึ้น เนื่องจาก สถิติตลอด 10 ปีที่ผ่านมา เดือน ก.ย. เป็นเดือนที่ค่าเฉลี่ยหุ้นโลกปรับตัวลง 1.9% ลงแรงสุดใน 12 เดือน เช่น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลง 2.5% ขณะที่ตลาดหุ้นไทยลง 1.2%   ดังนั้นมองว่าภาพกระแสการขายทำกำไรที่มักเกิดในเดือน ก.ย. และการเมืองในประเทศยังกดดันหุ้นไทยคล้ายในอดีต


หากดูการเคลื่อนไหวของดัชนีหุ้นไทยเทียบกับเพื่อนบ้านในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค.) พบว่า ฟันด์โฟล์ไหลออกตลาดหุ้นอินเดียมากสุด 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ เกาหลีใต้ 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ  อินโดนีเซีย 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ เวียดนาม 2.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไทย 2.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ ฟิลิปินส์ 680  ล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนดัชนีหุ้นไทยช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาร่วงมากสุดในภูมิภาค โดยดัชนีปรับตัวลง 11%  ฟิลิปปินส์ลง 6% ขณะที่เวียดนามบวก 33%  เกาหลีใต้บวก 33% อินโดนีเซีย 11% และอินเดียบวก 13%

ขณะที่ตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าอาจจะผันผวน โดยปัจจัยลบที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้าคือ การเคลื่อนไหวสถานการณ์ทางการเมือง ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐ คาดว่าต่ำกว่า 7 หมื่นตำแหน่ง  


ส่วนปัจจัยบวกมีทั้งศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ ชี้ ภาษีส่วนใหญ่ของทรัมป์ “ไม่ชอบด้วยกฎหมาย” และหากภาพการเมืองในประเทศมีความชัดเจน คาดว่าจะส่งผลให้ดัชนีน่าจะดีดฟื้นตัวขึ้น ประเมินแนวรับแรกที่ 1,230 จุด แนวรับถัดไปที่ 1,200 จุด แนวต้านแรกที่ 1,260 จุด แนวต้านถัดไปที่  1,280 จุด


กลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว ลดความผันผวนจากปัจจัยการเมืองในประทศ 

    • เลือกหุ้นอิงการส่งออก          CPF        ราคาเป้าหมาย   31.00 บาท 

    • หุ้นอิงราคาน้ำมัน               PTTEP      ราคาเป้าหมาย  138.00 บาท 

    • หุ้นผันผวนต่ำ                   BDMS       ราคาเป้าหมาย   29.00 บาท  

    • หุ้นเก็งกำไรการเมือง        STECON      ราคาเป้าหมาย   9.00 บาท  

    •  หุ้นที่ราคาปรับตัวลงมาลึก  THAI         ราคาเป้าหมาย  16.50 บาท


ฝั่งฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์" AISA, CFTe ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวิจัย บล.กรุงศรี มองว่า  นักลงทุนรอดูสถานการณ์การเมืองว่าจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการสรรหานายกฯคนใหม่  คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 สัปดาห์   จะสร้าง Sentiment บวกต่อตลาด และงบปี 69    และคาดว่าจะเกิดการเลือกตั้งในระยะ 6-9 เดือนข้างหน้า เนื่องจากรัฐบาลอยู่ต่อไม่นานส่งผลให้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งไซด์เวย์ในกรอบ  1,220–1,270 จุด  แนะนำหุ้น หุ้น Domestic  เพราะถูกกดดันระยะสั้น แต่ Global Play / Export / Energy / Infra Tech (PTTGC, IVL, PTT, TOP, ADVANC, GULF, GPSC) จะโดดเด่น

ทั้งนี้จากสถิติในอดีต  SET Index ช่วงที่มีสถานการณ์การเมืองสำคัญ 1.  อดีตนายก "ทักษิณ ชินวัตร"  ประกาศยุบสภา ม.ค. - ก.พ. 2006  2. ตุลาการภิวัฒน์ (ศาลตัดสินผลการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ) พ.ค. - มิ.ย.2006  3.รัฐประหาร 19 ก.ย. 2006

 4. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุบสภา 21 เม.ย. – 6 พ.ค.2011  5.น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยุบสภา 8 ต.ค.2013- 3 ม.ค.2014   6. รัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2014  พบว่า สถิติผลตอบแทนตลาดหุ้นไทย Maximum  Drawdown หรือ ( ช่วงลดสูงสุด) เฉลี่ย - 9.2% (รอบนี้ -2.5%)   

หากดูในอดีตหลังผ่านพ้นเหตุการณ์ทางการเมืองไปได้มองตลาดหุ้นจะปรับขึ้น  อิงรอบ ล่าสุด คือ สิ้นเดือน พ.ค. 2014  SET อยู่บริเวณ 1,415 จุด และปรับขึ้นต่อเนื่องในช่วง 4 เดือนจากนั้น และเริ่มออกข้าง ปรับขึ้นรวม  12.4%

ส่วนทิศทางหุ้นไทยเดือนก.ย. คาด SET  แกว่ง Sideways  ประเมินแนวต้านแรกที่ 1,280 จุด แนวต้านถัดไปที่ 1,295 จุด แนวรับแรก 1,230 จุด 1,200 จุด ( กรณีเลวร้ายหรือ Worst-case 1,180 จุด) โดยตลาดรอพัฒนาการการเมืองภายใน หลังศาลวินิจฉัยน.ส. แพทองธาร ชินวัตร ขาดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี  ซึ่งทิศทางตลาดขึ้นกับระยะเวลาการหาข้อสรุปนายกฯและการแต่งตั้งครม.ชุดใหม่ 

ด้านกลยุทธ์การลงทุนให้สลับไปลงทุน หุ้น Global Plays ที่มีปัจจัยเร่ง อาทิ China Plays อิงสหรัฐฯ – จีนเตรียมเจรจาการค้าต้นสัปดาห์หน้า หุ้นดอกเบี้ยขาลงที่ตลาดให้น้ำหนักเพิ่มขึ้น ทั้งภายนอก คาดฝั่งสหรัฐฯ ยังให้น้ำหนักโอกาส Fed ลดดอกเบี้ย จากความเสี่ยงภาคแรงงาน  ขณะที่ภายในรอยต่อการเมืองอาจก่อให้เกิด Downside เศรษฐกิจ (สื่อสาร ไฟฟ้า) และหุ้น Defensive ร.พ. ที่เริ่มมีปัจจัยเร่งจาก คนไข้ชาวคูเวตเพิ่ม        

อย่างไรก็ตาม   คงมุมมอง SET มีแรงขับเคลื่อนจากการกลับสถานะหุ้น (Re-rating)  ภาพหลักยังอยู่ที่สหรัฐฯอยู่ในช่วงเศรษฐกิจคลายตัวลง  เริ่มมีสัญญาณอ่อนลงในหลายจุด อาทิ การจ้างงาน การบริโภค และเป็นปัจจัยต่อคาดการณ์โอกาสที่จะเห็นเฟดลดอัตราดอกเบี้ยลงในเดือน ก.ย. ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯอ่อน แต่เป็นปัจจัยหนุนสกุลเงินฝั่งเอเซียแนวโน้มแข็งค่า  

นอกจากนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่มี Premium Valuation  เราประเมินเม็ดเงินบางส่วนจะยังเดินหน้าสลับกระจายความเสี่ยงสู่ EM Assets โดยแรงหนุนจะมาไทย  รวมถึงปัจจัยภายในคือ  การประชุม กนง. ช่วงที่เหลือของปี อีก 2 ครั้ง คาดเห็นการปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้งอีก 0.25% จากความเสี่ยงที่เข้ามาเพิ่มหลายส่วน จะหนุนความน่าสนใจ SET จาก Current Equity Risk Premium ที่ถ่างกว้างขึ้นจากปัจจุบัน อยู่ในโซนลงทุน > AVG + 2 S.D. ดึงดูดสภาพคล่องเพิ่มเติม 

ปัจจัยบวก- ลบที่ต้องติดตาม 

  • 2 ก.ย. เงินเฟ้อ CPI ส.ค. 25  ของยุโรป (เบื้องต้น) ตลาดคาด +2.1%y-y  
  • 5ก.ย.  รายงานสถานการณ์การจ้างงาน ส.ค. 25 ตลาดคาดการจ้างงานนอกภาคเกษตรระดับ 80K vs prev. 73k ตำแหน่ง โดยคาดระดับอัตราการว่างงานเพิ่มสู่ 4.3% จากที่ 4.2% 
  • 7 ก.ย. ติดตามการประชุม OPEC+ คาดผลประชุม OPEC+ มีแนวโน้มคงแผนการผลิตน้ำมันดิบ 
  • ติดตามความคืบหน้ามาตรการภาษีคุณ Trump ในส่วนของ Sectoral Tariff อาทิ ยา เซมิคอนดักเตอร์ และภาษีเท่าเทียมกับบางประเทศ ในส่วนของจีนที่ยังเป็นระดับชั่วคราว 
  • 11 ก.ย. คาดการณ์เงินเฟ้อทั่วไป ส.ค. 25 ตลาดคาด +2.9%y-y, +0.3%m-m prev. +2.7%y-y , +0.2%m-m
  • 11 ก.ย. ผลประชุมธนาคารกลางยุโรป
  • 16-17 ก.ย. ติดตามผลประชุม Fed (ไทยทราบผลประชุมเช้าวันที่ 17 ก.ย.) การส่งสัญญาณเรื่องการลดดอกเบี้ยของนาย Powell ที่ Jackson Hole เมื่อ 22 ส.ค.   ทำให้คาดว่า FOMC จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง0.25% สู่ระดับ 4%    
  • 18 ก.ย. คาด BOE จะคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 4.00%  หลังจาก GDP ขยายตัวดีกว่าคาดใน 2Q25 ขณะที่เงินเฟ้อเร่งตัว y-o-y สองเดือนติดต่อกัน ทั้ง Headline และ Core CPI  ซึ่งล่าสุดอยู่ที่ 3.8%  
  • 19 ก.ย. ประชุมธนาคารกลางญี่ปุ่นหรือ BOJ คาดยังคงดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.50% หลังจากเงินเฟ้อเพิ่มช้าลงต่อเนื่อง โดยทั้ง Headline CPI และ Core CPI อยู่ที่ 3.1%y-o-y ในเดือน ก.ค.
  • Poltiburo Meeting: ช่วงปลาย ก.ย. ติดตามกระแสตลาดน่าจะเริ่มให้น้ำหนักการประชุม Polituro ของจีนรอบใหญ่ปลายปี ซึ่งมีกำหนดการเบื้องต้นวันที่ 4 ต.ค.

กลยุทธ์ลงทุนหุ้นไทยเดือน ส.ค. แนะนำหุ้นเด่น

  • ADVANC              ราคาเป้าหมาย 350 บาท 
  • TRUE                   ราคาเป้าหมาย  18 บาท  
  • GULF                   ราคาเป้าหมาย 59 บาท 
  • BDMS                  ราคาเป้าหมาย 33 บาท 
  • PTTGC                 ราคาเป้าหมาย 28 บาท 
  • IVL                     ราคาเป้าหมาย 22 บาท 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง