เส้นทางสู่นายกรัฐมนตรีคนที่ 32 ของไทย

สถานการณ์การเมืองหลังคำวินิจฉัย

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรีทั้งชุดสิ้นสุดวาระทันที ปมคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน การตัดสินดังกล่าวเปิดฉากเส้นทางสู่การเลือกผู้นำรัฐบาลคนใหม่ โดยรัฐธรรมนูญกำหนดให้การเลือกนายกรัฐมนตรีดำเนินการในสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น

ขั้นตอนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่

รัฐธรรมนูญมาตรา 159 กำหนดว่า ผู้ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีต้องมีรายชื่ออยู่ในบัญชีที่พรรคการเมืองยื่นไว้กับ กกต. ก่อนการเลือกตั้ง และต้องได้เสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎร หรืออย่างน้อย 246 เสียง การโหวตจะทำแบบเปิดเผยโดยการขานชื่อ ไม่มีเสียง สว. มาร่วมลงคะแนนเหมือนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนที่ 32

ปัจจุบันมีรายชื่อผู้ที่ยังคงมีสิทธิ์ถูกเสนอ ได้แก่

• นายชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย อดีต รมว.ยุติธรรม อดีตอัยการสูงสุด พรรคครอง 140 เสียง
• นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อดีต รมว.มหาดไทย พรรคมี 69 เสียง
• พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พรรค รวมไทยสร้างชาติ อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นองคมนตรี พรรคมี 36 เสียง
• นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรค รวมไทยสร้างชาติ อดีต รมว.พลังงาน อดีตเลขาธิการนายกฯ พรรคมี 36 เสียง
• นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคมี 25 เสียง

เกมการเมืองและการรวมเสียง

สถานการณ์ล่าสุดทำให้สมการการเมืองซับซ้อนขึ้น พรรคประชาชน ซึ่งมี สส. 142 เสียง ประกาศ 3 เงื่อนไขสำหรับการสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ได้แก่ การยุบสภาภายใน 4 เดือนหลังแถลงนโยบาย การจัดทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยืนยันไม่ร่วมรัฐบาลแต่จะทำหน้าที่ฝ่ายค้าน

ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ชื่อของนายอนุทิน ชาญวีรกูล ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด เนื่องจากภูมิใจไทยตอบรับข้อเสนอของพรรคประชาชน และคาดว่าสามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนได้มากกว่า 290 เสียง ขณะที่พรรคเพื่อไทยยังคงพยายามผลักดันนายชัยเกษม นิติสิริ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรได้ออกหนังสือนัดประชุมพิเศษวันที่ 3–5 กันยายน 2568 คาดว่าจะเป็นช่วงเวลาที่มีการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ซึ่งจะเป็นจุดตัดสินอนาคตการเมืองไทยในระยะสั้นว่าจะเดินหน้าไปในทิศทางใด