รีเซต

“จิรายุส” ย้ำพลเมืองแห่งโลกอนาคต ต้องมีความรู้ 3 ด้านหลัก เพื่อรับมือกับวิกฤต

“จิรายุส” ย้ำพลเมืองแห่งโลกอนาคต ต้องมีความรู้ 3 ด้านหลัก เพื่อรับมือกับวิกฤต
TNN ช่อง16
9 ตุลาคม 2568 ( 18:01 )
12

คุณจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวในงาน TNN Tech Forum 2025 งานสัมมนาแห่งปี ที่จะพาคุณไป “Designing Your Longevity ให้เทคโนโลยีออกแบบชีวิตคุณ” เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม 2568 ณ TDPK Grand Hall, True Digital Park โดยการบรรยายครั้งนี้เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของ "พลเมืองแห่งโลกอนาคต" (The Next Human) ซึ่งต้องมีความรู้ใน 3 ด้านหลัก เพื่อรับมือกับวิกฤตที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งในระดับบุคคลและระดับประเทศ และนำเสนอแนวทางการมีอายุยืนยาวและสุขภาพดีที่ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ (Longevity Biology) โดยเน้นที่การแก้ไขที่ต้นเหตุ

นายจิรายุส กล่าวว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญกับ 3 วิกฤตหลัก ที่พลเมืองแห่งอนาคตต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างเร่งด่วน ได้แก่ เรื่อง Financial Literacy (ความรู้ทางการเงิน): เป็นวิกฤตที่เห็นได้ชัดเจนแล้ว เนื่องจากหนี้ครัวเรือนของไทยสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เพราะว่าตั้งแต่ระดับโรงเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษา มหาวิทยาลัย ไม่มีใครสอน เรื่องการลงทุน หรือความรู้เรื่องการเงินให้คนไทยเลย 

คุณจิรายุส กล่าวอีกว่า ส่วนเรื่อง Digital Literacy (ความรู้ทางเทคโนโลยี/ดิจิทัล) การเปลี่ยนแปลงสู่ยุค 4th Industrial Revolution เช่น AI, Blockchain, 3D Printing จะทำให้คนจำนวนมหาศาลตกงานใน 5 ปีข้างหน้า มีการคาดการณ์ว่า 1 ใน 3 ของประชากรโลกจะต้องกลับไปเรียนรู้หนังสือใหม่ (Re-skill/Up-skill) เพราะชุดทักษะเดิมใช้ไม่ได้แล้ว AI กำลังจะมาแทนที่งานระดับสมอง (White Collar) 

ขณะที่ Health Literacy ความรู้ด้านสุขภาพ เป็นวิกฤตที่ยังไม่ปรากฏชัด แต่คาดว่าเริ่มจะเป็นวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดของประเทศเรื่องวิกฤตสุขภาพ ในอีก 5 ปีข้างหน้า เนื่องจากไม่มีการสอนความรู้ด้านสุขภาพ ซึ่งทั้ง 3 เรื่องที่กล่าวคนของอนาคตจะต้องรู้

คุณจิรายุส กล่าวถึงเรื่องประเด็นสุขภาพว่า นอกจากนี้ คนไทยมักเข้าใจผิดว่าความไม่ป่วยคือการที่อาการยังไม่ออก มะเร็งอาจมีการอักเสบสะสมมา 10 ปี ก่อนจะแสดงอาการในปีสุดท้าย ในโลกนี้มีโรคและการป่วยประมาณ 155,000 อาการ แต่ทั้งหมดเชื่อมโยงมาจาก 10-12 ตัวกระดุม (Root Cause) เท่านั้น ยาที่แจกจ่ายกันมีไว้เพื่อกด 155,000 อาการ แต่ไม่มีตัวไหนแก้ที่ 12 ตัวกระดุมหลัก

ผู้บริหารบิทคับ ได้เล่าถึง เสาหลักแห่งการมีอายุยืนยาว โดยอันดับแรกคือ การนอนหลับอย่างเพียงพอ ซึ่งต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงต่อวัน แต่สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าคือ การนอนให้ตรงเวลาอย่างสม่ำเสมอทุกวัน เพื่อให้ร่างกายปรับตัวตาม นาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm) และสามารถฟื้นฟูตัวเองได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังมีหลักการเพิ่มประสิทธิภาพการนอน เช่น การดูแลสุขอนามัยการนอน และการหลีกเลี่ยงสิ่งรบกวนก่อนเข้านอน

ต่อมาคือเรื่อง อาหารและโภชนาการ จิรายุสเน้นการหลีกเลี่ยงน้ำตาล การงดน้ำตาลเพียงสัปดาห์เดียวก็สามารถเห็นความแตกต่างได้ชัดเจน ทั้งร่างกายและรูปร่าง นอกจากนี้ยังควรหลีกเลี่ยงแป้งและข้าวขาว รวมถึงขนมปัง เพราะส่วนผสมหลักคือ “น้ำตาล” สิ่งที่ควรรับประทานคือผักหลากสี และผลไม้กลุ่มเบอร์รีหรือกีวี ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

สำหรับ การออกกำลังกายและกล้ามเนื้อ จิรายุส กล่าวบนเวทีว่า กล้ามเนื้อเป็นหนึ่งในอวัยวะสำคัญ หลังอายุ 30 ปี ร่างกายจะสูญเสียกล้ามเนื้อประมาณ 1% ต่อปี ดังนั้นจึงต้องสร้างกล้ามเนื้อและสะสมความแข็งแรงให้มากที่สุด วิธีที่มีประสิทธิภาพสูงสุดคือ Progressive Overload หรือการยกน้ำหนักจนถึงจุดที่ทำได้ 7–8 ครั้งต่อเซ็ตจนถึงจุดไม่ไหว พร้อมกับการเคลื่อนไหวร่างกายอย่างสม่ำเสมอ ไม่ควรนั่งเกิน 45 นาที ควรลุกยืนทุก 15 นาที และเดินให้ครบ 10,000 ก้าวต่อวัน

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือ สังคมและเป้าหมายในชีวิต ความเหงาสามารถทำให้อายุสั้นลง การมีเป้าหมายในชีวิต หรือ Purpose รู้ว่าตื่นขึ้นมาทำไมในแต่ละวัน สามารถยืดอายุขัยได้ถึง 7 ปี เสาหลักนี้สำคัญถึง 80% ของ Longevity แม้ไม่ต้องใช้เงิน แต่ต้องอาศัยความพยายามสูง

สิ่งแวดล้อมก็มีบทบาทไม่แพ้กัน ต้องลดการสัมผัสสารพิษ เช่น น้ำหอม เครื่องหอม หรือไมโครพลาสติก นอกจากนี้การควบคุมพฤติกรรม เช่น การลดการสูบบุหรี่ การทำ Fasting การออกกำลังกาย และการเข้าซาวน่าที่อุณหภูมิ 97 องศาเซลเซียส วันละ 20 นาที ทุกวัน สามารถลดอัตราการเสียชีวิตจากโรคต่าง ๆ ได้ถึง 40%

นายจิรายุสยังเปิดเผยประสบการณ์ส่วนตัวว่า การปรับพฤติกรรมตามหลักนี้ ทำให้เขาสามารถลด อายุทางชีวภาพ (Biological Age) จาก 49 ปี เหลือ 30 ปี ทุกอวัยวะฟื้นฟูกลับไปเทียบเท่าระดับอายุ 18 ปี 

สุดท้าย เขาเน้นว่า หากประเทศไทยต้องการก้าวสู่ ศูนย์กลางด้าน Longevity Hub เราต้องเริ่มจาก กระดุมเม็ดแรก คือ การป้องกันไม่ให้กองทุนสุขภาพระเบิด ด้วยการเปลี่ยนจาก “30 บาทรักษาทุกโรค” เป็น “30 บาทป้องกันทุกโรค” พร้อมกับยกระดับบุคลากรทางการแพทย์ให้เลิกยึดติดความรู้แบบเดิม และพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง