รีเซต

‘รอยัล เอนฟิลด์’ รุกหนักบิ๊กไบค์ ตั้งโรงงานผลิตไซซ์ 250-750 ซีซี.

‘รอยัล เอนฟิลด์’ รุกหนักบิ๊กไบค์ ตั้งโรงงานผลิตไซซ์ 250-750 ซีซี.
มติชน
31 สิงหาคม 2563 ( 10:45 )
74
‘รอยัล เอนฟิลด์’ รุกหนักบิ๊กไบค์ ตั้งโรงงานผลิตไซซ์ 250-750 ซีซี.

นายวิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ เปิดเผยว่า รอยัล เอนฟิลด์ เข้ามาในตลาดประเทศไทยในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 ดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์หัวเมืองสำคัญ เพื่อเข้าถึงลูกค้าและเข้าใจวัฒนธรรมการขับขี่มอเตอร์ไซค์ในประเทศไทย สโตร์แห่งแรกของรอยัล เอนฟิลด์ ตั้งอยู่ที่ทองหล่อ และขณะนี้มีสโตร์ทั้งหมด 26 แห่ง และภายในสิ้นปีงบประมาณ 2563 จะมีทั้งหมด 36 แห่งในประเทศไทย แบรนด์รอยัล เอนฟิลด์ ได้รับการยอมรับเป็นอย่างดีในตลาดประเทศไทย ปีแรกยอดขายอยู่ที่ 889 คัน และในปีที่ 4 ยอดขายโตขึ้นเป็น 3,146 คัน ขณะนี้มีผู้ขับขี่รอยัล เอนฟิลด์ กว่า 7,000 คันในจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศไทย ทำให้สังคมนักขับขี่รอยัล เอนฟิลด์ เติบโตอย่างต่อเนื่อง

 

นายวิมัลกล่าวว่า รถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ เหมาะสำหรับการตกแต่ง ด้วยการออกแบบเปลือยเปล่าและเรียบง่ายเอื้อต่อการตกแต่งที่แสดงความเป็นตัวตนของผู้ขับขี่ ประเทศไทยนับเป็นตลาดที่มีวัฒนธรรมการตกแต่งรถ ผู้ขับขี่มีความกระตือรือร้นและไม่ลังเลที่จะใช้รถจักรยานยนต์เป็นส่วนเสริมบุคลิกดังนั้น เมื่อรวมเอาสองสิ่งนี้เข้าด้วยกันทำให้มั่นใจได้ว่าในช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมา มีรถมอเตอร์ไซค์ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ ไม่ซ้ำใครจากประเทศไทยกว่า 30 คัน ในช่วงเวลาไม่กี่ปีมานี้มีทั้ง เค-สปีด (K-Speed), ซีอุส คัสทอม (Zeus custom), เรนเจอร์ โคแรท (Ranger Korat) และนักคัสตอมมอเตอร์ไซค์อีกมากมายสร้างสรรค์ผลงานจากรถของรอยัล เอนฟิลด์

 

“ผลิตภัณฑ์ของเราดึงดูดกลุ่มลูกค้าหลากหลาย และนี่คือ สิ่งที่เรามองเห็นได้ ไม่เพียงแต่ในประเทศไทย แต่รวมถึงในตลาดอื่นๆ ในโลกส่วนใหญ่ที่เราดำเนินการอยู่ ลูกค้าเรามีช่วงอายุกว้าง ตั้งแต่อายุ 25-50 ปี มีทั้งผู้ชายและผู้หญิงการขับขี่อันแท้จริง (Pure Motorcycling) คือปรัชญาของแบรนด์ของรอยัล เอนฟิลด์ ต้องการให้ลูกค้าได้สัมผัสกับรูปแบบการขับขี่ที่ไม่เร่งรีบ เรียบง่าย และมีส่วนร่วมเป็นสังคมแห่งการขับขี่ เราเรียกประสบการณ์เหล่านี้ว่าเป็นการขับขี่ที่แท้จริง พยายามดึงดูดลูกค้ายังเกอร์ (Younger) ทั้งชายและหญิงด้วยรุ่นหิมาลายันและทวินส์ เนื่องจากดีไซน์เป็นมิตรกับนักขับขี่ทุกกลุ่มและราคาเข้าถึงได้ ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่รักการขับขี่ทุกช่วงวัย

 

นายวิมัลกล่าวว่า จากการระบาดของโรคโควิด-19 ตลาดรถสองล้อโดยรวมได้ลดลง 22% ในช่วงเดือนเมษายน-กรกฎาคม 2563 ตลาดได้เริ่มฟื้นตัวแบบเดือนต่อเดือนในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม คาดการณ์ว่าแนวโน้มจะดีขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า และคาดว่าอุตสาหกรรมนี้จะมีปริมาณการขายใกล้เคียงกับผลดำเนินงานของปีที่แล้วด้วย รอยัล เอนฟิลด์ มียอดจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ในปี 2019 จำนวน 3,146 คัน ถือว่าเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้ามียอดขาย 1,487 คัน จากปีงบประมาณ 2561-2562 จนถึงปีงบประมาณ 2562-2563 เติบโตเพิ่มขึ้น 112% ปีนี้ถือเป็นปีที่คาดไม่ถึง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

 

“ปัจจุบันส่วนแบ่งการตลาดของเราอยู่ที่ 5.5% ในกลุ่มมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง เครื่องยนต์ 250-750 ซีซี ในประเทศไทย มียอดจอง 321 คัน ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 ที่ผ่านมา ขณะที่งานปีที่แล้วเรามียอดจองทั้งหมด 314 คัน นอกจากนี้ได้เปิดตัวรอยัล เอนฟิลด์ คลาสสิก 500 สเตลท์ แบล๊ก สีใหม่ มาตรฐานไอเสียยูโร 4 ได้รับการตอบรับที่ดี เรามีเป้าหมายหลักคือขยายตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง เราเริ่มเห็นความสนใจของลูกค้าที่ต้องการจะอัพเกรดมาใช้มอเตอร์ไซค์ของเรา ในขณะเดียวกันรอยัล เอนฟิลด์ ก็เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มนักขี่มอเตอร์ไซค์ที่นิยมเครื่องยนต์ซีซีสูง สำหรับแผนดำเนินงานของโรงงานประกอบ หรือซีเคดี (CKD) ในประเทศไทย จะเริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 ของปีงบประมาณหน้า คือระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน ปี 2564 เพราะเราเล็งเห็นว่าประเทศไทยมีบทบาทสำคัญในการมีส่วนร่วมในความสำเร็จระดับภูมิภาคอาเซียน” นายวิมัลกล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง