รีเซต

นาโนเทค นำต้นแบบ "N-sense" ลงพื้นที่จังหวัดระยอง ทดสอบวิเคราะห์ BY2 ใน ทุเรียน

นาโนเทค นำต้นแบบ "N-sense" ลงพื้นที่จังหวัดระยอง ทดสอบวิเคราะห์ BY2 ใน ทุเรียน
TNN ช่อง16
13 มิถุนายน 2568 ( 21:00 )
15

กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) ร่วมกับ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) โดย ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) ตอกย้ำความเป็น "ขุมพลังหลักด้าน วทน." ยกห้องแล็บมาใกล้ตัวด้วยต้นแบบนวัตกรรม "N-sense" อุปกรณ์วิเคราะห์สารตกค้าง BY2 (Basic Yellow 2) ในทุเรียนแบบพกพา ตอบโจทย์เกษตรกร กลุ่มผู้ส่งออกทุเรียน ชูจุดเด่น ใช้งานง่าย-เร็ว ลดเวลารอผลการตรวจวัดแบบมาตรฐานจาก 48 ชม. เหลือเพียง 20 นาที ลดต้นทุน แต่แม่นยำสูง 

โดยสามารถตรวจจับสาร BY2 ในปริมาณที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่จีนกำหนดไว้ สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสาร BY2 ที่ปนเปื้อนอยู่ในทุเรียนไทย เพิ่มโอกาสของเกษตรกรรมไทยในเวทีโลกอย่างยั่งยืน

ดร.วิยงค์ กังวานศุภมงคล รองผู้อำนวยการ (ด้านการวิจัย) ศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ (นาโนเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ทุเรียน นับเป็น พืชผลเศรษฐกิจของไทยที่สร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจากตลาดทั้งในและต่างประเทศ การต่อยอดใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม (วทน.) ในการขับเคลื่อนภาคการเกษตรของไทย นับเป็น 1 ในพันธกิจหลักของ สวทช. "ขุมพลังหลัก" ของประเทศในการใช้ประโยชน์จาก วทน. เพื่อพัฒนาและสร้างความเข้มแข็งของระบบนิเวศวิจัยและนวัตกรรมให้ตอบโจทย์สำคัญ นำสู่การพัฒนาประเทศอย่างก้าวกระโดดเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนงานวิจัยของนาโนเทค ภายใต้ SF เกษตรและอาหาร ที่มุ่งเน้นการนำนาโนเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร (Food Security) ครอบคลุม 4 มิติ ได้แก่การมีเสถียรภาพด้านอาหาร (Food Stability), การใช้ประโยชน์จากอาหาร (Food Utilization), การมีอาหารเพียงพอ (Food Availability) และการเข้าถึงอาหาร (Food Access) ซึ่งชุดตรวจ BY2 จะอยู่ในมิตินี้ ที่เป็นการเข้าถึงอาหารอย่างปลอดภัย โดยนาโนเทคเอง มุ่งเน้นเรื่องแพลตฟอร์มตรวจการปนเปื้อน เพื่อความปลอดภัย และความมั่นคงทางด้านอาหาร และอาหารสัตว์ (Integrated Nano Sensor & Testing Platforms)

ซึ่ง "ทุเรียน ถือเป็นผลไม้ที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สร้างมูลค่าการส่งออกให้กับไทยอย่างมากโดยเฉพาะตลาดจีน ข้อมูลจากกรมวิชาการเกษตรชี้ว่า ปี 2566 สถิติการส่งออกทุเรียนสดจากภาคตะวันออกของไทยไปยังประเทศจีนอยู่ที่ 6.5 แสนตัน มูลค่ามากกว่า 8.5 หมื่นล้านบาท แต่เมื่อเจอวิกฤตเรื่องสาร BY2 ส่งผลกระทบต่อการส่งออกทุเรียนสดจากภาคตะวันออกของไทยอย่างมาก" ดร.วิยงค์กล่าวพร้อมชี้ว่า นาโนเทค คาดหวังเป็นอย่างยิงว่า ต้นแบบชุดตรวจนี้ จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาของเกษตรกร 

ตัวอย่างที่ผ่านการคัดกรองด้วยวิธีนี้ สร้างความเชื่อมั่นในกระบวนการตรวจสาร BY2 ที่ปนเปื้อนอยู่ในทุเรียนไทย เพิ่มโอกาสให้กับเกษตรกร และผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนไทย

ดร.อรรณพ คล้ำชื่น ผู้อำนวยการกลุ่มวิจัยการวิเคราะห์ระดับนาโนขั้นสูง ความปลอดภัยและสารสนเทศ นาโนเทค สวทช. กล่าวว่า ต้นแบบนวัตกรรม "N-sense" อุปกรณ์วิเคราะห์สารตกค้าง BY2 (Basic Yellow 2) ในทุเรียนแบบพกพา เกิดจากการต่อยอดองค์ความรู้ด้านนาโนเทคโนโลยี เซ็นเซอร์และการตรวจวัดที่ทีมวิจัยมีศักยภาพอยู่แล้ว สู่เครื่องมือที่จะช่วยตรวจคัดกรองให้เกิดความรวดเร็วในการตรวจสอบ ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายและเวลาของเกษตรกร

"N-sense" ประกอบด้วย 2 ส่วนหลักคือ ขั้วเซ็นเซอร์เคมีไฟฟ้าที่จำเพาะกับสาร BY2 และเครื่องอ่านและประมวลผลแบบพกพา โดยมีจุดเด่นเรื่องของการใช้งานสะดวก สามารถนำไปใช้ได้ทุกที่ เสมือนยก ห้องแล็บมาไว้ในมือ ย่นระยะเวลาในการตรวจจากวิธีในการตรวจวัดแบบมาตรฐานที่ทางเกษตรกรหรือโรง คัดบรรจุ (ล้ง) ใช้อยู่ ซึ่งต้องส่งตัวอย่างเพื่อตรวจวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการเท่านั้น ใช้เวลา 48 ชั่วโมง เหลือเพียง 20 นาทีเมื่อตรวจคัดกรองด้วย "N-sense" ค่าใช้จ่ายน้อยลงกว่า 10 เท่า แต่ความแม่นยำสูง สามารถรายงานค่าความเข้มข้นต่ำสุดได้ต่ำถึง 0.56 ppb อย่างแม่นยำ ซึ่งดีกว่ามาตรฐานการส่งออกของจีนที่กำหนดให้มีปริมาณสาร BY2 ไม่เกิน 2.0 ppb

"นวัตกรรมนี้ไม่ได้ไปทดแทนวิธีการตรวจแบบมาตรฐานจากห้องปฏิบัติการกลาง แต่จะช่วยในการคัดกรอง เพื่อลดภาระให้กับเกษตรกรและผู้ประกอบการส่งออกทุเรียนไทย ทั้งเรื่องค่าใช้จ่ายและระยะเวลา สร้างความเชื่อมั่นให้ผลผลิตทางการเกษตรของไทย และเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการส่งออกสู่ตลาดโลก ซึ่งนอกจากทุเรียนแล้ว ทีมวิจัยยังสามารถพัฒนาต่อยอดในการตรวจวัดสารปนเปื้อนชนิดอื่นๆ ในอุตสาหกรรมผลผลิตทางการเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารเพื่อการส่งออกได้อีกด้วย" ดร.อรรณพกล่าว

ล่าสุด สวทช. โดย นาโนเทคยกทีมวิจัยลงพื้นที่ทดสอบภาคสนามพร้อมต้นแบบ "N-sense" ตรวจ ตัวอย่างทุเรียนจากเกษตรกรในพื้นที่วังจันทร์ .ระยอง ในเขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซีไอ (Eastern Economic Corridor of Innovation: (EECi) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผลผลิตทุเรียนในพื้นที่

นายสมาน พรหมมา ประธานกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนวังจันทร์ .ระยอง กล่าวว่า ปัจจุบัน .วังจันทร์ มีพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ทุเรียน 4 กลุ่มโดยกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่ทุเรียนวังจันทร์เป็นการรวมตัวของเกษตรกรมากกว่า 30 รายในพื้นที่ปลูกทุเรียนมากกว่า 300 ไร่ ที่มุ่งเน้นเรื่องของคุณภาพและมาตรฐานการปลูกทุเรียนให้สามารถแข่งขันได้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดส่งออก โดยเชื่อมั่นว่า การใช้นวัตกรรมจากการวิจัยและพัฒนาของหน่วยงานต่าง รวมถึง สวทช. จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับทุเรียนวังจันทร์ให้มีคุณภาพ และเชื่อถือได้ โดยเฉพาะชุดตรวจสาร BY2 ที่กำลังเป็นที่ต้องการในกลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายทุเรียนเพื่อการส่งออกในขณะนี้(เมื่อวันที่ 13 มิ.ย.68)

ภาพโดย: ธนาชัย ประมาณพาณิชย์

ข่าวที่เกี่ยวข้อง