แพทยสภา ออกประกาศฉบับ 1 หนุนรัฐ-เอกชนจัดหาวัคซีนหลากหลาย ย้ำ ปชช.ต้องได้ฉีดฟรีตามรัฐธรรมนูญ
แพทยสภา ออกประกาศฉบับ 1 หนุนรัฐ-เอกชนจัดหาวัคซีนให้หลากหลาย-มีเพียงพอโดยเร็ว ย้ำ ปชช.ต้องได้ฉีดฟรีตามรัฐธรรมนูญ
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสมศรี เผ่าสวัสดิ์
นายกแพทยสภา ลงนามในประกาศแพทยสภา ที่ 78/2564 เรื่อง แถลงการณ์แพทยสภาในสถานการณ์โควิด-19 (ฉบับที่ 1)
ระบุว่า ตามที่สถานการณ์การระบาดของติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 มีการเพิ่มติดเชื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แพทยสภา ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525 หมวดที่ 1 มาตรา 7 ที่บัญญัติว่า แพทยสภามีวัตถุประสงค์ เพื่อช่วยเหลือ แนะนำ เผยแพร่ และให้การศึกษาแก่ประชาชนและองค์กรอื่นๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข ให้คำปรึกษาหรือข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลเกี่ยวกับปัญหาการแพทย์และการสาธารณสุข และเป็นตัวแทนของผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมในประเทศไทย
ทั้งนี้ แพทยสภา จึงขอประกาศการสนับสนุนในด้านต่างๆ ดังนี้
1.แพทยสภาสนับสนุนให้ภาครัฐและเอกชน ดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้มีใช้อย่างหลากหลาย เพียงพอโดยเร็วที่สุด และเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผลต่อเชื้อกลายพันธุ์ เช่น กลุ่มวัคซีน mRNA โดยให้ครอบคลุมทั้งผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน และเพื่อฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้กับผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว
2.แพทยสภาสนับสนุนให้บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้าได้รับวัคซีนที่เหมาะสม เช่น กลุ่มวัคซีน mRNA อย่างรวดเร็ว
3.แพทยสภาสนับสนุนให้รัฐบาล เอกชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเปิดโอกาสให้ผู้ที่สงสัยว่าจะติดเชื้อสามารถเข้าถึงการตรวจหาเชื้อ เพื่อยืนยันการวินิจฉัยและเข้าสู่กระบวนการรักษาโดยเร็วที่สุด
4.แพทยสภาสนับสนุนให้เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร สถานที่และทรัพยากรต่างๆ ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น
5.แพทยสภาสนับสนุนการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงด้านวิชาการของแต่ละราชวิทยาลัยและวิทยาลัย ซึ่งเป็นองค์กรในกำกับของแพทยสภา ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม พ.ศ.2525
6.แพทยสภาสนับสนุนให้ประชาชนทุกคนได้รับวัคซีนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 มาตรา 47
7.แพทยสภาสนับสนุนให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าชนิดใดโดยเร็วที่สุด เพราะสามารถลดความรุนแรงของโรคได้
8.แพทยสภาสนับสนุนให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น งดเว้นกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่ม การเว้นระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากากอนามัย รวมถึงการอยู่ภายในที่พักอาศัยเมื่อเกิดสถานการณ์รุนแรงมากขึ้น เพราะสามารถช่วยควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้