รีเซต

LVMH ยอดขายร่วง-จีนยังซบเซา "ภาษีทรัมป์" กดดันต่อเนื่อง l การตลาดเงินล้าน

LVMH ยอดขายร่วง-จีนยังซบเซา "ภาษีทรัมป์" กดดันต่อเนื่อง l การตลาดเงินล้าน
TNN ช่อง16
21 เมษายน 2568 ( 09:22 )
14

เบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของกลุ่มสินค้าหรูหราสัญชาติฝรั่งเศส LVMH เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมาว่า ปี 2025 เริ่มต้นได้ดี แต่สถานการณ์เริ่มแย่ลงตั้งแต่เดือนมีนาคม เนื่องจากผลกระทบจากความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจ ซึ่งเกี่ยวข้องกับมาตรการเก็บภาษีระหว่างประเทศ พร้อมกล่าวในที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีว่า LVMH จะมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มสินค้าระดับสูงสุดของแบรนด์ เนื่องจากผู้บริโภคที่มีรายได้ปานกลาง หรือ ผู้ซื้อที่ใฝ่ฝันถึงความหรูหรา จะได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่เพิ่มสูงขึ้นมากกว่า

ก่อนหน้านี้ LVMH รายงานรายได้ในไตรมาสแรกหดตัวร้อยละ 3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 2 ในช่วงเดือนมกราคมถึงมีนาคม หลังผู้บริโภคในสหรัฐฯ ลดการจับจ่ายในกลุ่มผลิตภัณฑ์ความงามและเครื่องดื่ม ขณะที่ยอดขายในจีนยังคงอ่อนแอ ซึ่งเป็นสัญญาณแรกที่บ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมแบรนด์หรูอาจต้องเผชิญกับปีที่ยากลำบากอีกครั้ง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้า สร้างความกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอย

หุ้นของ LVMH ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กร่วงลงมากถึงร้อยละ 7.5 หลังการประกาศผลประกอบการ

เซซิล กาบานิส ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า กลุ่มสินค้าหรูอย่างกระเป๋าหนังและแฟชั่นยังคง ดำเนินไปในทิศทางที่ดี ในตลาดสหรัฐฯ แต่ยอดขายจากร้านค้าปลีกกลุ่มแมสอย่าง Sephora รวมถึงคอนยัคและผลิตภัณฑ์ความงามกลับอ่อนตัวลง พร้อมระบุว่า Amazon.com มีการแข่งขันด้านราคาที่ดุเดือดมาก

กาบานิส บอกด้วยว่า ความตึงเครียดทางการค้าทำให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ ปัจจัยต่าง ๆ เปลี่ยนทุกชั่วโมง

บันทึกจากบริษัทวิจัย Bernstein ระบุว่า ปีนี้ถือเป็นการเริ่มต้นที่ยากลำบากของบริษัทฝรั่งเศสผู้ผลิต Louis Vuitton, Dior, แบรนด์เครื่องประดับ Bulgari และคอนยัค Hennessy โดยแผนกแฟชั่นและเครื่องหนังซึ่งสร้างรายได้เกือบครึ่งหนึ่งของทั้งกลุ่ม และมากกว่าร้อยละ 75 ของกำไร กลับมียอดขายลดลงร้อยละ 5 ต่ำกว่าที่คาดว่าจะทรงตัว

นักวิเคราะห์จาก RBC ระบุว่า ความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการฟื้นตัวของอุปสงค์มีแนวโน้มจะรุนแรงขึ้นจากผลประกอบการครั้งนี้” และเตือนว่าอาจต้องมีการปรับลดคาดการณ์ผลกำไรเพิ่มเติมจากความเสี่ยงด้านภาษี

ผู้เล่นในตลาดหรูของยุโรป เช่น Hermès, Kering และ Prada ต่างก็หวังว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโต ขณะที่แนวโน้มในจีนยังคงน่ากังวล

อย่างไรก็ตาม ความหวาดกลัวต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าภาคธุรกิจนี้อาจเผชิญกับช่วงขาลงที่ยาวนานที่สุดในรอบหลายปี

ยอดขายในตลาดสหรัฐฯ ลดลงร้อยละ 3 ในไตรมาสแรก ขณะที่ยอดขายในเอเชีย (ไม่รวมญี่ปุ่น) ร่วงลงถึงร้อยละ 11 โดยรายได้รวมของกลุ่ม ในช่วง 3 เดือนสิ้นสุดเดือนมีนาคม อยู่ที่ ราว 23.08 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ 

แม้ภาคธุรกิจสินค้าหรูจะมีอำนาจในการตั้งราคามากกว่าภาคอุตสาหกรรมอื่น และสามารถใช้จุดนี้ป้องกันกำไรจากผลกระทบของภาษีทรัมป์ได้บางส่วน แต่หากมีการบังคับใช้อย่างเต็มที่ จะมีการเรียกเก็บภาษีร้อยละ 20 สำหรับสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังจากยุโรป และ ร้อยละ 31 สำหรับนาฬิกาที่ผลิตในสวิตเซอร์แลนด์

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ชะลอการเก็บภาษีส่วนใหญ่ไว้ชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน โดยกำหนดอัตราภาษีทั่วไปไว้ที่ร้อยละ 10 

ขณะเดียวกัน ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ LVMH ระบุว่า บริษัทกำลังพิจารณาขยายการผลิตในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นแต่ก็ต้องดูว่าจะดำเนินการในระดับใด และด้วยความเร็วแค่ไหน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง