AUCTแนวโน้มธุรกิจขาขึ้น ปริมาณรถยึดสู่ภาวะปกติ
ทันหุ้น –สู้โควิด –AUCT ส่องแนวโน้มธุรกิจขาขึ้น โบรกคาดรายได้ไตรมาส 3/2563 ชะลอตัว จากมาตรการพักชำระหนี้ของภาครัฐ แต่การปรับราคาค่าธรรมเนียมการประมูลรถยนต์ขึ้นจาก 8,000 บาทต่อคัน เป็น 9,000 บาทต่อคัน เป็นบวก จับตาไตรมาส 4/2563 ฟื้นตัวเด่น ปริมาณรถยึดกลับเข้าสู่ภาวะปกติ คาดปี 2564 จะเห็นปริมาณรถยึดมาประมูลเพิ่มสูงขึ้นหลังจากมาตรการพักชำระหนี้สิ้นสุดลงในเดือนตุลาคมนี้ มองราคาเป้ามหาย 19-22 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด ระบุถึง บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2563 อาจจะเห็นชะลอตัวจากไตรมาส 2/2563 ซึ่งเป็นผลมาจากมาตรการพักชำระหนี้ของทางภาครัฐที่ทำให้ปริมาณรถยึดที่เข้ามาประมูลน้อยลง แต่จะมีปัจจัยที่จะมาช่วยจากการที่ทาง AUCT ได้มีการปรับค่าธรรมเนียมการประมูลรถยนต์ต่อคันขึ้นจาก 8,000 บาทต่อคันเป็น 9,000 บาทต่อคัน โดยต้นทุนแทบจะไม่เพิ่มขึ้นเลย ตรงนี้เริ่มมีผลตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งรายได้จากการประมูลรถยนต์นั้นคิดเป็นประมาณ 80% ของรายได้รวมของบริษัท
*รถเข้าประมูลเพิ่มขึ้น
ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/2563 ผู้บริหารเริ่มเห็นปริมาณรถยึดกลับเข้าสู่ภาวะปกติตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่อาจจะเร่งตัวเพิ่มขึ้นอีกเนื่องจากธนาคารหรือบริษัทลีสซิ่งต้องการที่จะระบายรถยึดให้ได้มากที่สุดก่อนสิ้นปีเพราะราคารถมือสองมักจะลงเวลาเปลี่ยนปี
สำหรับปี 2564 ผู้บริหารเชื่อว่าจะเห็นปริมาณรถยึดมาประมูลจะเพิ่มขึ้นสูงมากภายหลังจากมาตรการพักชำระหนี้สิ้นสุดลงในเดือนตุลาคมนี้ประกอบกับ บริษัทจะได้รับประโยชน์จากเรื่องค่าธรรมเนียมการประมูลรถยนต์ต่อคันเต็มปีด้วยทำให้
ในฝั่งของ Demand นั้นอาจจะมีความกังวลว่าในภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ดีจะทำให้เต็นท์รถมือสองชะลอการประมูลรถหรือไม่นั้น ทางผู้บริหารได้ชี้แจงว่าบริษัทเองไม่ได้มีความกังวลในประเด็นนี้เพราะที่ผ่านมา Success rate ของการประมูลรถนั้นเกือบ 100% ถึงแม้ว่าบางคันอาจจะไม่สำเร็จในการประมูลครั้งแรก แต่ท้ายที่สุดก็มีการปรับราคาประมูลลงมาจนประมูลสำเร็จได้ เพราะสุดท้ายบริษัทที่ทำการยึดรถมาเป้าหมายหลักคือการจำหน่ายรถยึดออกไปให้ได้
*ธุรกิจขาขึ้น-พื้นฐาน 19-22 บ.
อย่างไรก็ตาม มีมุมมองบวกในระยะกลางถึงยาวสำหรับ AUCT แต่ภาพระยะสั้นอาจจะขาดประเด็นบวกรองรับเนื่องจากผลประกอบการไตรมาส 3/2563 อาจจะยังไม่โดดเด่นประกอบกับประเด็นการไม่ต่อมาตรการพักชำระหนี้อาจจะรับรู้ไปในราคาแล้ว ในเชิงกลยุทธ์การลงทุนอาจจะแนะนำให้เริ่มทยอยลงทุนหลังงบไตรมาส 3/2563 เพื่อรับประเด็นบวกจากงบ ไตรมาส 4/2563 ที่จะฟื้นตัวโดดเด่น และจะต่อเนื่องไปถึง 2564
ทั้งนี้มองกรอบราคาเป้าหมายอยู่ที่ 19-22 บาทต่อหุ้น อิง P/E ที่ 30-35 เท่า ปี 2564 (ระดับ avg ถึง +0.5SD) ซึ่งถือว่าเหมาะสมด้วยแนวโน้มธุรกิจอยู่ในขาขึ้น ความเสี่ยงคือการต่อมาตรการพักชำระหนี้ออกไปซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณรถยึดที่จะนำมาประมูลมาช้าและ/หรือน้อยกว่าคาดได้