AUCT กำไรครึ่งปีแรงพุ่ง79% เอ็นพีแอลหนุนซัพพลายล้น
AUCT โชว์กำไรครึ่งปีแรกทะยาน 79% แตะ 160.90 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 2/2566 กวาดกำไร 65.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% ฟากผู้บริหารส่งสัญญาณครึ่งปีหลังโตต่อ เชื่อปริมาณรถไหลเข้าประมูลเพิ่มขึ้น 10-20% ตาม NPL ที่พุ่งขึ้น หลังสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้
นายวรัญญู ศิลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT เปิดเผยว่า ไตรมาส 2/2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 65.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 44.65 ล้านบาท ส่งผลให้ครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 160.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 79% หรือช่วงเดียวกันกับปีก่อนมีกำไรที่ 89.86 ล้านบาท
** อวดผลงานผงาด
ส่วนรายได้ไตรมาส 2/2566 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 270.68 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 32.6% หรือช่วงเดียวกันกับปีก่อนมีรายได้ที่ 204.16 ล้านบาท และครึ่งปีแรก 2566 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 579.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 40.5% หรือช่วงเดียวกันกับปีก่อนมีรายได้ที่ 412.26 ล้านบาท
ขณะที่ทิศทางครึ่งปีหลัง 2566 บริษัทคาดจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะโดยปกติไตรมาส 3 และไตรมาส 4 เป็นช่วงที่จำนวนรถเข้าประมูลจะมีปริมาณเพิ่มขึ้น ประกอบกับวันประมูลสินค้ามีมากกว่าครึ่งปีแรก บริษัทคาดปริมาณรถยนต์จะเข้าประมูลในครึ่งปีหลัง 2566 จะเพิ่มขึ้นอีก 10%
บริษัทยังให้ความสำคัญกับการบริการ และพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับบริการให้เต็มประสิทธิภาพ ครึ่งปีหลัง 2566 คาดสัดส่วนประมูลรถยนต์ รถจักรยานยนต์จะเป็นสัดส่วนหลักของบริษัท หรือคิดเป็น 80% ของบริการประมูลสินทรัพย์ อย่างไรก็ตามบริษัทให้บริการประมูลสินทรัพย์อื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แต่หากเทียบกับบริการประมูลรถยนต์ รถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นรายได้หลัก ทำให้บริการประมูลสินทรัพย์อื่นๆ มีสัดส่วนรายได้น้อย
** รถประมูลเพิ่มขึ้น
บริษัทคาดปริมาณรถยนต์ รถจักรยานยนต์จะเข้าลานประมูลปีนี้ น่าจะสูงกว่าปีก่อน หรือคิดเป็นการเติบโต 10-20% ขณะที่ภาพรวมรายได้ทั้งปี 2566 บริษัทคาดจะดีกว่าปี 2565 ที่ 953.19 ล้านบาท โดยมองว่าซัพพลายหรือปริมาณรถยนต์ รถจักรยานยนต์จะมากขึ้น ทั้งนี้บริษัทเห็นสัญญาณดีมานด์เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายปี 2565 ก่อน จะเป็นหนี้เสียที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL เพิ่มขึ้นเป็น 13% จากก่อนหน้านี้ที่ 7% ทำให้บริษัทเห็นทิศทางซัพพลายในปี 2566 จะเพิ่มขึ้น
นายวรัญญู กล่าวต่อว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน 2566 ยังคงปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่อง จากการที่ผู้บริโภคมองว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว ประกอบกับราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วงไตรมาส 2 และการปรับลดค่าไฟฟ้าผันแปร ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคดีขึ้น
ขณะเดียวกันความต้องการสินเชื่อภาคครัวเรือนยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะสินเชื่อบัตรเครดิต แม้ว่าอัตราการขยายตัวของสินเชื่อรถยนต์มีแนวโน้มชะลอตัวลงสอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ใหม่ที่ลดลง 12.9% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2566 และอัตราการอนุมัติสินเชื่อที่ลดลงเนื่องจากสถาบันการเงินเพิ่มความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ บริษัทยังคงเร่งดำเนินการตามแผนขยายการประมูลสู่ภูมิภาคหลังจากที่ชะลอไปในช่วงโควิด ตลอดจนเร่งเพิ่มสถานที่เก็บรักษารถ (คลังสินค้า) ให้แล้วเสร็จตามแผนที่วางไว้ และพัฒนาคลังสินค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อมาตรฐานที่ดีต่อไป