เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้
#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index จะปรับตัวขึ้นทดสอบแนวต้านหลัก 1,640-1,645 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ผ่อนคลายหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวได้ค่อนข้างแรงรับผลประกอบการกลุ่มค้าปลีกที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตามมองโอกาสที่ทะลุผ่านยังมีไม่มาก นักลงทุนรอจับตาดูตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญคือเงินเฟ้อพื้นฐาน PCE เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯคืนนี้ (ตลาดคาด +0.3% M-M, +4.9% Y-Y) ซึ่งหากออกมาสูงกว่าคาดจะกดดันดัชนีอีกครั้ง กลุ่มพลังงานคาดนำตลาดวันนี้หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจาก Supply ที่ตึงตัว
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ โดยรวมยังไม่มีประเด็นบวกใหม่ โฟกัสยังคงอยู่ที่การ Reopening และเปิดประเทศเต็มรูปแบบในครึ่งปีหลัง หนุนกระแสเงินทุนยังค่อนไปในทิศทางไหลเข้าระยะกลาง-ยาว กลยุทธ์เรายังเน้นลงทุนในหุ้น Reopening และ Value Play ที่มี PER/PBV ไม่สูงเที่ยบกับช่วงปี 2019 ที่ยังไม่มี COVID-19 และมีแนวโน้มกำไร 2Q22 แข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดว่าจะสามารถปรับตัวได้แข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวมท่ามกลางนโยบายการเงินที่ตึงตัว
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนหุ้น Value Play ที่แนวโน้มกำไร 2Q22-2H22 แข็งแกร่ง
หุ้นเด่นเดือนพ.ค. : GFPT, ILINK, SAPPE, SMT, TH
หุ้นเด่นวันนี้ : SC
• แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 4.60 บาท
• ยืนยันภาพกำไร 1Q22 ผ่านจุดต่ำสุดของปีไปแล้ว และจะเติบโตทั่ง Q-Q และ Y-Y ใน 2Q22 และโดยเฉพาะ 2H22 จากทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่และแผนการโอนที่เร่งตัว
• เราคาดกำไรปี 2022 +17% Y-Y ทำ New High อย่างต่อเนื่อง ราคาหุ้นปรับลงแรงต่อเนื่องหลัง XD ทำให้ PER ปัจจุบันต่ำเพียง 6 เท่าและให้ Dividend Yield เกือบ 7% ต่อปี
• แนวรับ 3.34-3.30 บาท แนวต้าน 3.50-3.60 บาท
**บล.เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) คาดดัชนีฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้น ตามต่างประเทศ ปัจจัยรอบด้านช่วยหนุนตลาด โดยรัสเซียเริ่มมีการเตรียมเปิดทะเลดำ เพื่อให้ยูเครนส่งออกสินค้าได้ เพื่อแลกกับการ Sanction รัสเซีย รวมถึงมีทีท่าที่จะกลับเข้าสู่การเจรจาอีกครั้ง เรามองว่าสถานการณ์ยูเครน-รัสเซีย เริ่มมีพัฒนาการที่ดีขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วานนี้(26) ปรับตัวขึ้นจากผลประกอบการบริษัทค้าปลีกที่ออกมาดีกว่าคาด ถือเป็น Sentiment บวกต่อภาพรวมตลาด
จีนยังมีการ Lockdown อยู่ประปราย รวมถึงมาตรการใหญ่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่มีเข้ามาให้เห็น จึงต้องเฝ้าระวังกลุ่ม Logistics อยู่ในช่วงนี้
นักเศรษฐศาสตร์มีการวิเคราะห์ว่า สินค้าที่จะถูก Ban ในลำดับต่อไป คือ ข้าว เรามองว่าข่าวนี้อาจจะเป็นบวกต่อหุ้นกลุ่มที่ผลิตสินค้าทางเกษตรเกี่ยวกับข้าว (KASET, PRG)
ข่าวที่ธนาคารพาณิชย์จะมีการเทขายหนี้เสีย (NPL) ออกมาขาย โดยคาดการณ์อยู่ที่ 2 แสนลบ. เรามองว่าจะดีต่อหุ้นกลุ่มสถาบันการเงิน (BAM, SAWAD, MTC)
กระแส EV เริ่มกลับเข้ามาในตลาด จากข่าวที่ Tesla จะมีการตั้งบริษัทในไทย ทำให้หุ้นกลุ่ม EV กลับเข้ามาเล่นกันอีกครั้ง แต่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นสะท้อนข่าวไปแล้ว หุ้นเด่นของกลุ่มนี้ คือ EA, NEX ส่วนSAT เตรียมรุกเข้าธุรกิจ EV ด้วย
หุ้นขึ้น XD วันนี้ ได้แก่ B-WORK(@0.1771), FUTUREPF(@0.26), KAMART(@0.06) และ VGI_W3 เริ่มซื้อขายวันนี้เป็นวันแรก
ตัวเลขเศรษฐกิจวันนี้ คือ ตัวเลขส่งออกของไทย (คาด +14.6%) และกำไรภาคอุตสาหกรรม เดือน เม.ย. ของจีน
Strategy
ทิศทางตลาดหุ้น ยังคงรูปทรงในขาขึ้น ไว้ได้ค่อนข้างดี (จะดีมาก ถ้าขึ้นไปปิด gap ที่ 1643 จุดได้) เรายังคงทยอยปรับพอร์ตเพื่อหมุนหุ้นที่ล้อกับการสูงขึ้นของตลาด และมีข่าวบวกเข้ามาในตลาดมากขึ้น วันนี้ เราสนใจหุ้นบริหารหนี้ และโรงพยาบาลที่ได้ประโยชน์จากการเปิดประเทศ
เนื่องจาก เราประเมินว่า ยิ่งใกล้วันประชุม FOMC (14-15 มิ.ย.) ตลาด(โลก)จะชะลอตัวเพื่อรอผลประชุมหรือแนวโน้มการประชุม การลงทุนในช่วงนี้ จึงครวรปรับเป็นเล่นสั้น เน้นข่าวรายวันไปก่อน
Copy trade หุ้นฝรั่งซื้อมาก BH
หุ้นในพอร์ตวันนี้ เรานำ ADVANC, SINGER ออก และเพิ่ม JMT*, SAWAD, BH* เข้ามาแทน หุ้นในพอร์ตประกอบด้วย JMT*(10%), SAWAD(10%), BH*(10%), THG*(10%), GULF(10%), FORTH(10%), BE8*(10%)
Strategy Stock Pick
JMT: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 84 บาท) “แบงค์พาณิชย์เตรียมขายหนี้ กลุ่ม JMT พร้อมประมูลเข้าพอร์ต”
•เตรียมประมูลหนี้เข้าใหม่เข้าพอร์ต หลัง บ. พาณิชย์ทยอยขาย NPL โดย JMT มี JV กับ KBANK เริ่ม Operate ใน 3Q22
•NPL ค้างทั้งระบบอยู่ในระดับ 5.32 แสน ลบ. ธปท. หนุนการจัดตั้ง JV ของ AMC กับ ธ. พาณิชย์ และ JMT มีความพร้อมมากที่สุดในกลุ่ม
•KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 2.14 พัน ลบ. และ 3.12 พัน ลบ. +44%YoY, +45%YoY ตามลำดับ.
Technical : TIPH, PTC
**บล.คิงส์ฟอร์ด จำกัด ประเมินดัชนี SET มีโอกาสปรับขึ้นตามโมเมนตัมบวกของเศรษฐกิจในประเทศ วางแนวรับดัชนีที่ 1,625 – 1,630 แนวต้าน 1,640 – 1,645 แนะนำซื้อ KBANK,KTB,BFIT (+สินเชื่อมีแนวโน้มฟื้นตัว)/ PTT,PTTEP,TOP(+ราคาน้ำมัน)/ KCE,DELTA,BE8, BBIK (+Nasdaq)
CFRESH* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus N.A. บาท) แนวโน้มผลประกอบการ 2Q65 กำไรมีโอกาสเติบโต QoQ, YoY ได้ต่อเนื่องจากฐานที่ต่ำ แรงหนุนจากยอดขายที่ฟื้นตัวตามสภาพเศรษฐกิจ ปะกอบกับกลยุทธ์การขยายตลาดส่งออกและตลาดร้านอาหารในประเทศ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจะยังได้รับผลดีจากสต๊อกวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำและเน้นการจำหน่ายสินค้า High Value ทั้งนี้เชื่อว่าโมเมนตัมของกำไรจะยังดีต่อเนื่องใน 2Q65 เนื่องจากราคาต้นทุนหลักกุ้งขาวในประเทศยังทรงตัวเทียบกับปีก่อน และจะได้รับประโยชน์จากค่าเงินบาทอ่อนค่า
PTTEP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 156 บาท) สำหรับกำไรงวด 1Q65 อยู่ที่ 1.05 หมื่นลบ. (-1%QoQ,-9%YoY) แนวโน้มรายได้ช่วง 2Q65 ยังมองได้อานิสงค์น้ำมันโลกที่ยังอยู่ระดับสูง ทั้งจากการคว่ำบาตรรัสเซีย, โอเปกพลัสยึดข้อตกลงด้านกำลังผลิตตามแผนเดิม ขณะที่จีนเริ่มมีแนวโน้มคลายล็อกดาวน์ยังหนุนอุปสงค์ สำหรับบริษัทฯ ล่าสุดมีเซ็นซื้อขายน้ำมันดิบกับ Oman E&P Corp. จากโอมาน ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีการลงทุนโครงการผลิตปิโตรเลียมในโอมาน 3 โครงการ (Oman Bl.61 จำนวน 20%,PDO Bl. 6 จำนวน 2%, และ Mukhaizna Bl. 53จำนวน 1%) ด้านแรงซื้อกลุ่มบิกแคปจากการฟื้นตัวของดัชนียังเป็นอีกแรงหนุนให้มีโอกาสกระแสเงินทุนช่วงสนับสนุน ขณะที่ EIA เผยสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐสัปดาห์ที่ผ่านมาลดมากกว่าคาดจาก -0.73 ล.สู่ -1.019ล.BRL รวมทั้งได้แรงหนุนจากอุปสงค์ช่วงเทศกาลท่องเที่ยววันหยุด Memorial Days