PTTEP ชูกำลังผลิตในปท. ปริมาณขายทั้งปีเติบโต

#PTTEP #ทันหุ้น - PTTEP คาดว่าปริมาณขายเฉลี่ยปี 2568 อยู่ที่ 510,000 ถึง 515,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567 จากกำลังผลิตในประเทศหนุน พร้อมรุกขยายลงทุนเชิงกลยุทธ์ในพื้นที่ที่มีศักยภาพ เพื่อสร้างการเติบโตมั่นคงทางพลังงานให้กับประเทศ
บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP รายงานผลประกอบการไตรมาส 3/2568 12,695 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.19 บาท โดยกำไรสุทธิลดลง 23% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่มีกำไรสุทธิ 17,865 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 4.50 บาท ขณะที่มีรายได้รวม 72,209 ล้านบาท ลดลง 3% เมื่อเทียบกับไตรมาส 3/2567 ที่มีรายได้รวม 80,364 ล้านบาท
สำหรับผลประกอบการในช่วง 9 เดือนของปี 2568 บริษัทมีรายได้รวม 220,503 ล้านบาท มีปริมาณขายปิโตรเลียมเฉลี่ยอยู่ที่ 499,925 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2567 ในขณะที่ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก มาอยู่ที่ 44.27 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 42,761 ล้านบาท ในรอบระยะเวลา 9 เดือน ปี 2568
โดยมองแนวโน้มผลดำเนินงานสำหรับปี 2568 โดยคาดว่าปริมาณขายเฉลี่ยสำหรับปี 2568 อยู่ที่ 510,000 ถึง 515,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน เพิ่มขึ้นจากปี 2567
เดินหน้าขยายลงทุน
นายมนตรี ลาวัลย์ชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP กล่าวว่าในไตรมาส 3 นี้ บริษัทได้ขยายการลงทุนเพิ่มเติม โดยได้เข้าถือสัดส่วนการลงทุน 50% ในโครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย เอ 18 ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติที่มีความสำคัญต่อการเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ โดยเป็นแหล่งพลังงานหลักในการผลิตกระแสไฟฟ้าในบริเวณภาคใต้ของไทย
ส่วนในทวีปแอฟริกา บริษัทได้เสร็จสิ้นการซื้อสัดส่วนการลงทุนในโครงการแอลจีเรีย ทูอัท แล้ว ส่งผลให้ ปตท.สผ. มีสัดส่วนการลงทุนทางอ้อมในโครงการดังกล่าว 22.1% ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวมีกำลังการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 435 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และสามารถเพิ่มกำลังการผลิตในอนาคตได้ การเข้าร่วมทุนครั้งนี้ สามารถเพิ่มปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติและปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้กับบริษัทได้ทันทีเช่นกัน
สำหรับการดำเนินงานในประเทศไทย บริษัทได้ประกาศตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายโครงการดักจับและกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ หรือ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ เพื่อสนับสนุนเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม โดยโครงการ CCS ที่แหล่งอาทิตย์ จะสามารถดักจับและอัดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้สูงสุด 1 ล้านตันต่อปี คาดว่าจะเริ่มการอัดกลับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ในปี 2571 โดยการดำเนินงานดังกล่าว จะไม่กระทบต่อการผลิตก๊าซธรรมชาติของแหล่งอาทิตย์ โครงการ CCS ที่ แหล่งอาทิตย์ ยังเป็นการนำร่องและเป็นต้นแบบที่สำคัญในการพัฒนาโครงการ CCS ในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศไทยในอนาคต รวมถึงธุรกิจ CCS ในบริเวณอ่าวไทยตอนบน (Eastern Thailand CCS Hub) อีกด้วย
“แผนการดำเนินงานต่อจากนี้ ปตท.สผ. จะเร่งการตัดสินใจลงทุนขั้นสุดท้ายหลายโครงการในต่างประเทศ เช่น โครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ ราเคซ ระยะที่สอง โครงการอาบูดาบี ออฟชอร์ 2 ในแหล่ง Waset รวมถึงโครงการสำรวจที่มีการค้นพบปิโตรเลียมแล้วในประเทศมาเลเซีย ซึ่งโครงการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มปริมาณการผลิตให้กับบริษัทในระยะยาว เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป” นายมนตรี กล่าว
เคาะเป้าหมาย 134 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดว่ากำไรปกติ PTTEP ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 คิดเป็นราว 75% ของประมาณการปีที่ 60,278 ล้านบาท (-24% Y-Y) ซึ่งฝ่ายวิจัยคงประมาณการคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2568 ฟื้น Q-Q ตามปริมาณขายที่ฟื้นตัวมาที่ราว 535-550KBOED หนุนจากแหล่งอ่าวไทย, รับรู้แหล่ง A-18 เต็มไตรมาส รวมถึงเป็นฤดูกาลเร่งซื้อของแหล่งในตะวันออกกลางและแอฟริกา กลบค่าใช้จ่าย SG&A ที่เป็น High Seasonได้ ส่วนภาพ Y-Y ลดลงตามอัตรากำไรที่ราคาน้ำมันดิบลดลงจาก Supply ตึงตัวน้อยลง
คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 134 บาทต่อหุ้น โดยคงมุมมอง Core Operation ผันผวนน้อยลง จากผู้คุม Supply หลักคือกลุ่ม OPEC ที่มีแนวโน้มจะไม่ปล่อย Supply ออกมาเร็วกว่า Demand Growth ทั้งนี้บริษัทยังสร้างกระแสเงินสด, กำไร และปันผล ได้ต่อเนื่อง รวมถึงยังเปิดโอกาส Upside Risk จากการ M&A แหล่งใหม่เพิ่ม ในสภาวะที่ไม่ต้องจ่ำย Premium มากจากราคาน้ำมันอยู่ในระดับปกติ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
