VIBHAผู้ป่วยเดินเข้ารักษา อัตราใช้พื้นที่เตียงทะลุ70%
#VIBHA #ทันหุ้น - VIBHA แนวโน้มผลงานโค้ง 3/2565 เติบโตทรงตัวจากไตรมาสก่อน หลังคนไข้ปกติกลับมาใช้บริการมากขึ้นโดยเฉพาะคนไข้เด็ก จากการระบาดของไว้รัส RSV หนุนเดือนก.ย. อัตราการใช้พื้นที่เตียง รพ. ในเครือเฉลี่ยแตะระดับ 70% จ่อบุ๊ครายได้-กำไรวัคซีนโมเดอร์นา ด้านรายได้รวมปี 2565 คาดทรงตัวจากปี 2564 แม้รายได้คนไข้โควิดลดลง
นายพิจิตต์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) หรือ VIBHA ประเมินภาพธุรกิจในไตรมาส 3/2565 คาดว่าจะมีการเติบโตที่ทรงตัวต่อเนื่องจากไตรมาส 2/2565ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ระดับ 2,449 ล้านบาท แม้ว่ารายได้จากการรักษาและดูแลคนไข้ไวรัสโควิด-19 จะปรับตัวลดลง ตามสถานการณ์แพร่ระบาดที่เบาบางลง รวมถึงภาครัฐปรับลดมาตรการเบิกจ่ายกรณีรักษาโควิด-19 ลดลง
แต่รายได้จากการให้บริการดูและรักษาสุขภาพของคนไข้ทั่วไปปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะคนไข้เด็กเพราะในช่วงไตรมาส 3/2565 อยู่ในฤดูฝน ทำให้มีโรคระบาดในเด็กต่างๆ เช่น ไข้หวัด ไข้เลือดออก โรคมือเท้าปาก และโรคทางระบบทางเดินหายใจ (RSV) ทำให้อัตราการรักษาทั้งผู้ป่วยนอก (OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) คนไข้ทั่วไปกลับมาสูงกว่าเมื่อเทียบช่วงเวลาเดียวกันกับปีก่อน
อัตราใช้เตียงเพิ่มขึ้นมาก
โดยในช่วงเดือนกันยายน 2565 โรงพยาบาลและโรงพยาบาลในเครือในพื้นที่กรงเทพฯ และปริมณฑลมีอัตราการใช้พื้นที่เตียง (Occupancy Rate) อยู่ที่ระดับกว่า 70% ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากเดือนกรกฎาคม และสิงหาคม นอกจากนี้ คาดว่าจะมีการบันทึกส่วนรายได้และกำไรที่มาจากการจำหน่ายวัคซีนโมเดอร์นาที่กำลังจะหมดอายุลงเข้ามาอย่างต่อเนื่องในไตรมาสที่ 3/2565และ 4/2565 อีกทั้งจะมีรายได้จากกลุ่มโรงพยาบาลเชียงใหม่รามที่จะเข้ามาช่วยเสริม
ขณะที่คนไข้ต่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2565 มองว่ามีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่หลายประเทศกลับมาเปิดประเทศท่องเที่ยวอีกครั้ง ทั้งนี้ ปัจจุบันคนไข้ต่างประเทศคิดเป็นสัดส่วนไม่ถึง 3% ของยอดผู้ป่วยรวม ซึ่งในส่วนนี้จะมาจากโรงพยาบาลเชียงใหม่ราม เป็นหลัก และหากการท่องเที่ยวดีขึ้น นักท่องเที่ยวกลับมา ก็น่าจะหนุนรายได้ให้กับรพ.เชียงใหม่ ราม ปรับตัวดีขึ้น
รายได้โตทรงตัว
อย่างไรก็ดี ปกติทุกๆ ปีบริษัทจะตั้งเป้าหมายการเติบโตผลการดำเนินงานไว้ราว 10%แต่ด้วยฐานรายได้ในปีก่อนสูงจากการระบาดของไวรัสโควิด รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมในกลุ่มวิภารามจะไม่สูงเหมือนปีที่ผ่านมา ทำให้มองว่าผลการดำเนินงานในปีนี้อาจเติบโตทรงตัวจากปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 7,873.84 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1,805.05 ล้านบาท
โดยในช่วงครึ่งแรกปีนี้ทำได้แล้วที่ 4,834.57 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 792.27 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่ารายได้จากโควิด-19 ในปีนี้จะลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือราว 6% ของปีก่อนที่มีรายได้จากโควิดที่มีสัดส่วนกว่า 12% ของรายได้รวม ขณะเดียวกันคาดว่าบริษัทจะมีกำไรจากการขายหุ้นสามัญของ บมจ.ศิครินทร์ (SKR) ออกไปบางส่วนด้วย ซึ่งจะไปรวมอยู่ในส่วนของกำไรสะสมของบริษัท และจะนำกำไรในส่วนนี้มาจ่ายเป็นเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น และชำระคืนเงินกู้ต่อไป
ด้านงบลงทุนปี 2565 นี้ บริษัทคาดว่าทั้งปีจะใช้เงินไม่เกิน 1,000 ล้านบาท หลังจากในช่วง 6เดือนแรกของปีนี้ที่มีการใช้เงินลงทุนไปแล้วประมาณ 500 ล้านบาท โดยบริษัทมีแผนที่จะปรับปรุงหอผู้ป่วยและปรับปรุงห้องไอซียู รวมถึงมีแผนจะขยายแผนกสหแพทย์ ที่เน้นการบำบัดด้วยกัญชา อย่างไรก็ตาม เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในแผนการดำเนินการภายใน ซึ่งยังไม่มีการจัดตั้งขึ้นมา
ขณะเดียวกันแผนการดำเนินงานในระยะยาว บริษัทจะมุ่งขยายการให้บริการออกไป โดยเฉพาะในกลุ่มโรงพยาบาลวิภาราม จะเน้น Greenfield Project หรือสร้างโรงพยาบาลใหม่ ขณะที่โรงพยาบาลวิภาวดี จะทำในส่วนของการขยายแผนก ปรับปรุงอาคาร และแยกบริการการแพทย์ทางเลือก (Alternative Medicine) ออกมาเพื่อจัดตั้งเป็นอีกบริษัทหนึ่ง รวมถึงยังมีแผนขยายวอร์ดใหม่ การเพิ่มเตียง เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการดูแลสุขภาพที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะนำโรงพยาบาลสินแพทย์ นครปฐม และโรงพยาบาลบางโพ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในอนาคตด้วย โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในการเสนอขายหุ้นแก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ได้ภายใน 1-2 ปีข้างหน้านี้