ฝรั่งเศสเดินหน้าโครงการเรือบรรทุกเครื่องบินนิวเคลียร์ลำใหม่ ขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป

ฝรั่งเศสประกาศเดินหน้าโครงการสร้างเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ลำใหม่อย่างเป็นทางการ เพื่อทดแทนเรือธง ชาร์ล เดอ โกลล์ (Charles de Gaulle) ที่เริ่มเข้าสู่ช่วงปลายอายุการใช้งาน โดยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง (Emmanuel Macron) ยืนยันแผนดังกล่าวระหว่างการเยี่ยมกองกำลังทหารฝรั่งเศสในกรุงอาบูดาบี พร้อมระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่นี้จะเป็นหัวใจสำคัญของอำนาจทางทะเลและยุทธศาสตร์การป้องปรามของประเทศในระยะยาว
โครงการดังกล่าวใช้ชื่อชั่วคราวว่า ปอร์ต-อาวิยง นูแวล เจเนราซียง (Porte-Avions Nouvelle Génération หรือ PANG) และถือเป็นหนึ่งในโครงการทางทหารที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อนที่สุดของฝรั่งเศสในรอบหลายทศวรรษ โดยมีมูลค่าการลงทุนคาดการณ์ราว 10,250 ล้านยูโร หรือประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 621,803 ล้านบาท ครอบคลุมทั้งการออกแบบ การก่อสร้าง ระบบขับเคลื่อนนิวเคลียร์ และเทคโนโลยีการปฏิบัติการทางอากาศขั้นสูง
ในด้านสมรรถนะ เรือบรรทุกเครื่องบิน PANG จะมีระวางขับน้ำประมาณ 78,000 ตัน ใหญ่กว่าเรือ Charles de Gaulle เกือบสองเท่า ตัวเรือมีความยาวราว 310 เมตร และกว้างประมาณ 90 เมตร นับเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป และถูกออกแบบให้สามารถปฏิบัติการในทุกสมรภูมิทั่วโลกได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน
เรือลำใหม่นี้จะใช้ระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานนิวเคลียร์ ทำให้มีพิสัยการเดินเรือแทบไม่จำกัด และสามารถรองรับการปฏิบัติการทางทหารที่ต้องการความต่อเนื่องสูง ขณะเดียวกัน ยังติดตั้งระบบดีดส่งอากาศยานแบบแม่เหล็กไฟฟ้า (Electromagnetic Aircraft Launch System หรือ EMALS) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้งานบนเรือบรรทุกเครื่องบินรุ่นใหม่ของสหรัฐอเมริกาและจีน โดยฝรั่งเศสมีแผนจัดหาระบบดังกล่าวจากสหรัฐฯ
ในด้านขีดความสามารถทางอากาศ PANG จะสามารถบรรทุกอากาศยานได้ราว 30 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ ราฟาล เอ็ม (Rafale M) รุ่นปรับปรุงมาตรฐาน F5, เครื่องบินแจ้งเตือนภัยล่วงหน้า อี-2ดี ฮอว์คอาย (E-2D Hawkeye) รวมถึงอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรนรุ่นใหม่ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา เพื่อรองรับรูปแบบการรบทางอากาศในอนาคต
สำหรับกรอบเวลาการดำเนินโครงการ รัฐบาลฝรั่งเศสตั้งเป้าจะให้การตัดสินใจจัดซื้อขั้นสุดท้ายได้รับการอนุมัติภายใต้งบประมาณกลาโหมในปี 2025 ก่อนเริ่มการก่อสร้างในปี 2032 ที่อู่ต่อเรือ ช็องติเยร์ เดอ ลาตล็องติก (Chantiers de l’Atlantique) จากนั้นจะมีการเคลื่อนย้ายเรือไปยังเมืองตูลง (Toulon) ในช่วงกลางทศวรรษ 2030 เพื่อดำเนินการปรับแต่งขั้นสุดท้าย เติมเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ และทดสอบการปฏิบัติการทางทะเล ก่อนเข้าประจำการอย่างเป็นทางการในปี 2038
ในเชิงยุทธศาสตร์ การลงทุนครั้งนี้ตอกย้ำสถานะของฝรั่งเศสในฐานะ ประเทศเดียวในสหภาพยุโรปที่ครอบครองเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ ท่ามกลางบริบทความมั่นคงโลกที่ผันผวน ตั้งแต่สงครามในยูเครน ไปจนถึงความพยายามของยุโรปในการสร้างอธิปไตยทางยุทธศาสตร์ (European Strategic Autonomy) เพื่อลดการพึ่งพาศักยภาพทางทหารของสหรัฐอเมริกา
อย่างไรก็ตาม โครงการ PANG ไม่ได้ปราศจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ โดยนักการเมืองและนักเศรษฐศาสตร์บางส่วนตั้งคำถามถึงความคุ้มค่า ท่ามกลางภาระหนี้สาธารณะและสถานะทางการเงินของฝรั่งเศสที่ตึงตัวมากขึ้น ขณะที่ฝ่ายสนับสนุนมองว่า เรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่นี้เป็นการลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ที่จำเป็น เพื่อรักษาความสามารถในการฉายอำนาจทางทหารของประเทศในระยะยาว
ในระดับโลก ฝรั่งเศสเป็นหนึ่งในเพียง 6 ประเทศ ที่ยังคงใช้งานเรือบรรทุกเครื่องบินแบบปีกตรึง โดยสหรัฐอเมริกาครองความเป็นผู้นำด้วยเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ถึง 11 ลำ ขณะที่จีนมีเรือบรรทุกเครื่องบิน 3 ลำ การพัฒนาเรือ PANG จึงถูกมองว่าเป็นการยกระดับศักยภาพของฝรั่งเศสให้ยังคงอยู่ในกลุ่มมหาอำนาจทางทะเลของโลก
หากมองในเชิงสัญลักษณ์ เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ลำใหม่นี้ถูกเปรียบเสมือน “ป้อมปราการลอยน้ำที่ใช้พลังงานแทบไม่รู้จบ” ไม่เพียงทำหน้าที่เป็นฐานทัพเคลื่อนที่กลางมหาสมุทร แต่ยังสะท้อนถึงอำนาจอธิปไตย ความมั่นคง และบทบาทของฝรั่งเศสบนเวทีโลกในอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
