รีเซต

น้ำท่วมใหญ่ จับตาพื้นที่เสี่ยง พระนครศรีอยุธยา-นนทบุรี ชาวบ้านเตรียมตัวอย่างไร?

น้ำท่วมใหญ่ จับตาพื้นที่เสี่ยง พระนครศรีอยุธยา-นนทบุรี ชาวบ้านเตรียมตัวอย่างไร?
TNN ช่อง16
2 กันยายน 2567 ( 20:49 )
19
น้ำท่วมใหญ่ จับตาพื้นที่เสี่ยง พระนครศรีอยุธยา-นนทบุรี ชาวบ้านเตรียมตัวอย่างไร?

จากสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำสายสำคัญเพิ่มสูงขึ้น ก่อให้เกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยงเนื่องจากเคยเผชิญกับน้ำท่วมรุนแรงในอดีต


สถานการณ์ อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา

อำเภอบางบาล ซึ่งเป็นพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำได้เริ่มเอ่อท่วมชุมชนริมน้ำมาแล้ว 3-4 วัน แต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เนื่องจากน้ำไม่ได้หลากท่วมอย่างรวดเร็ว ระดับน้ำค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นเพียงวันละ 5-10 ซม. ทำให้ชาวบ้านสามารถเตรียมตัวและขนย้ายสิ่งของได้ทัน


แม้ชาวบ้านจะคาดการณ์ว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมหนักเท่ากับปี 2554 และ 2565 แต่ยังต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยจุดวิกฤตน่าจะอยู่ในช่วงวันที่ 10 ก.ย. ถ้าน้ำไม่มากเกินไปก็พอจะรับมือได้ อย่างไรก็ตาม หากเขื่อนเจ้าพระยาต้องเพิ่มการระบายน้ำเป็นวันละ 2,000 ลบ.ม./วินาที ก็มีความเสี่ยงที่น้ำจะท่วมในระดับวิกฤต เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นในปี 2554 และ 2565


สถานการณ์ จ.นนทบุรี

สำหรับสถานการณ์ใน จ.นนทบุรี พื้นที่เสี่ยงที่ต้องจับตามองคือชุมชนตลาดขวัญ ต.ตลาดขวัญ อ.เมืองนนทบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำที่มักประสบปัญหาน้ำท่วมในช่วงหน้าฝนเป็นประจำทุกปี บางจุดน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตร


นายสมนึก ธนเดชากุล นายกเทศมนตรีนครนนทบุรี ได้สั่งให้ตรวจสอบความพร้อมของประตูระบายน้ำทั้ง 17 แห่งในพื้นที่ พร้อมทั้งเตรียมเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่กว่า 80 เครื่อง เพื่อเร่งระบายน้ำออกจากชุมชน โดยมีการประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนริมน้ำย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง และขอให้เรือต่างๆ ลดความเร็วเพื่อป้องกันคลื่นกระแทกทำความเสียหายแก่บ้านเรือน นอกจากนี้ยังได้ระดมเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังและพร้อมให้ความช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง



บทเรียนจากอดีต เร่งเตรียมพร้อมรับมือ


หลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปี 2554 ที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา ทั้งภาครัฐและประชาชนต่างได้เรียนรู้และปรับตัวเพื่อพัฒนาแนวทางรับมือที่ดีขึ้น ทว่าอุทกภัยในปี 2565 ที่ผ่านมา ก็ยังสร้างผลกระทบอย่างหนักอีกครั้ง แสดงให้เห็นว่าการเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติไม่สามารถนิ่งนอนใจหรือละเลยได้ 


จากบทเรียนทั้งสองครั้งนี้ ภาครัฐได้เร่งวางมาตรการต่างๆ ทั้งการเสริมความแข็งแรงให้แนวกั้นน้ำในจุดเสี่ยง การสำรองเครื่องสูบน้ำและเครื่องจักรกลให้พร้อมใช้งานตลอดเวลา เพิ่มประสิทธิภาพการติดตามสถานการณ์น้ำแบบเรียลไทม์และระบบเตือนภัยล่วงหน้า ตลอดจนการซักซ้อมแผนอพยพหากเกิดเหตุฉุกเฉิน


ในส่วนของชุมชนและประชาชน ก็ให้ความร่วมมือในการเตรียมตัวมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมพื้นที่สูงในบ้านไว้ขนย้ายสิ่งของ การสำรองอาหารและน้ำดื่มให้เพียงพอ การติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างใกล้ชิด รวมถึงการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานท้องถิ่นและอาสาสมัครเพื่อช่วยกันเฝ้าระวังและเตือนภัยในพื้นที่


นอกจากการเตรียมพร้อมของคน ข้อมูลและเทคโนโลยีก็ยังเข้ามามีบทบาทสำคัญ เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมความละเอียดสูงจากสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (จิสด้า) ที่สามารถระบุพื้นที่น้ำท่วมขังในหลายจังหวัดที่ยังคงมีความเสี่ยงอยู่ เช่น พิษณุโลก สิงห์บุรี และอ่างทอง การนำข้อมูลเหล่านี้มาวิเคราะห์และแชร์ให้ทุกภาคส่วนได้เข้าถึง จะช่วยให้การประเมินความเสี่ยงและวางแผนรับมือทั้งระยะสั้นและระยะยาวทำได้แม่นยำและครอบคลุมมากขึ้น


การบูรณาการข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียม ร่วมกับข้อมูลปริมาณฝน ระดับน้ำ และประวัติการเกิดน้ำท่วมในอดีต ถือเป็นอีกหนึ่งความก้าวหน้าในการบริหารจัดการพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วม ไม่เพียงแต่จะช่วยกำหนดมาตรการเชิงป้องกันและแจ้งเตือนประชาชนได้ทันท่วงที แต่ยังสามารถนำมาใช้คาดการณ์ผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรในพื้นที่ราบลุ่มน้ำท่วมถึง ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมากในการกำหนดมาตรการเยียวยาเกษตรกรที่ได้รับความเสียหายได้อย่างตรงจุด


แม้จะไม่มีใครอยากให้มหาอุทกภัยเกิดขึ้นอีก แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความแปรปรวนของฝนที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่กลายเป็นความเสี่ยงที่ต้องเผชิญในอนาคต การที่ทุกภาคส่วนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีต พร้อมปรับตัวและเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในด้านกายภาพและเทคโนโลยี จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือและลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดียิ่งขึ้น


ผลกระทบด้านเศรษฐกิจและการเกษตร

ภาคเอกชนและหอการค้าไทยแสดงความกังวลว่า หากสถานการณ์น้ำท่วมยืดเยื้อและขยายวงกว้าง อาจส่งผลให้มูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจสูงถึงหมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 0.06% ของ GDP โดยภาคการเกษตรน่าจะได้รับผลกระทบหนักที่สุด


ขณะที่ นายธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ เผยว่าพื้นที่เกษตรได้รับความเสียหายแล้วกว่า 7 แสนไร่ และสั่งการให้เร่งสำรวจและเยียวยาเกษตรกรโดยเร็ว ทั้งพืชไร่ ประมง และปศุสัตว์ที่ได้รับผลกระทบ


ชุมชนเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม

ชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมต่างเร่งเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือ โดยขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง พร้อมจัดเตรียมเสบียงอาหารและน้ำดื่มให้พร้อม หลายชุมชนมีการจัดตั้งทีมเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำและคอยแจ้งเตือนผ่านเสียงตามสาย 


นอกจากนี้หลายชุมชนยังมีการซ้อมแผนอพยพ โดยกำหนดจุดนัดพบ เส้นทาง และพื้นที่ปลอดภัยไว้เป็นที่เรียบร้อย เพื่อให้สามารถอพยพได้อย่างรวดเร็วและเป็นระเบียบหากจำเป็น ขณะที่โรงเรียนหลายแห่งได้ปรับเปลี่ยนการเรียนการสอนเป็นแบบออนไลน์เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน


ทั้งนี้ยังมีเครือข่ายจิตอาสาและกลุ่มเยาวชนในพื้นที่ที่เตรียมพร้อมมือเพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุ ผู้ป่วย และผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ให้สามารถอพยพไปยังจุดปลอดภัยได้อย่างทั่วถึง แม้จะเป็นภาระที่หนักหนา แต่พลังของชุมชนที่รวมตัวกันช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ก็นับเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีต่อการรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น


ฟื้นฟูและเยียวยาหลังน้ำลด

แม้จะยังต้องจับตาสถานการณ์น้ำท่วมในระยะนี้ แต่อีกสิ่งที่ต้องเตรียมความพร้อมคือแนวทางการฟื้นฟูและเยียวยาผู้ประสบภัยภายหลังน้ำลด ทั้งในส่วนของการซ่อมแซมบ้านเรือน สาธารณูปโภคที่เสียหาย การฟื้นฟูพื้นที่การเกษตร ตลอดจนการดูแลสุขภาพกายและใจของประชาชน


หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เริ่มวางแผนในการประสานงานเพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและเป็นระบบ เช่น การพักชำระหนี้ การให้ความช่วยเหลือฟื้นฟูที่อยู่อาศัย การจัดหาพันธุ์พืชและปัจจัยการผลิตให้เกษตรกร รวมถึงการเปิดรับบริจาคเพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ประสบภัย 



ภาพ TNN

ข่าวที่เกี่ยวข้อง