จับตาแม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มสูง จาก “น้ำเหนือ” และ “น้ำหนุน” “ชัชชาติ” ยันคุมได้ กทม.ใช้วิธี “สูบสู้”

สภาพแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณท่าเรือพรานนก–วังหลัง ช่วงเย็นเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) ซึ่งเป็นช่วงน้ำทะเลหนุน พบว่าระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนเกือบถึงระดับตลิ่ง แม้ยังไม่เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่เนื่องจากมีกำแพงกันน้ำยาวตลอดแนว แต่กระแสน้ำที่แรงขึ้นทำให้เกิดคลื่นซัดบริเวณท่าเรือ ขณะที่ประชาชนยังคงเดินทางใช้บริการตามปกติ
นายอำนาจ กลิ่นทรัพย์ หัวหน้าดูแลโซนท่าเรือพรานนก–วังหลัง เปิดเผยว่า ระดับน้ำหนุนเมื่อวานนี้สูงกว่าวันก่อนแต่ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต เชื่อว่าย่านวังหลังไม่น่าท่วม เพราะกรุงเทพมหานครมีแนวป้องกันแข็งแรง อย่างไรก็ตามคลื่นแรงส่งผลให้เรือโดยสารต้องเพิ่มความระมัดระวังและอาจล่าช้ากว่าปกติ
ด้านนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำและตรวจแนวป้องกันน้ำริมเจ้าพระยา บริเวณสะพานพุทธและท่าเตียน เพื่อประเมินความแข็งแรงของเขื่อนและจุดเสี่ยงที่อาจเกิดการรั่วซึมหรือน้ำทะลักเข้าชุมชนในเขตพระนคร
นายชัชชาติระบุว่า “แม่น้ำเจ้าพระยามีน้ำอยู่ 2 ส่วน คือ น้ำเหนือกับน้ำหนุน ตอนนี้น้ำเหนือปล่อยมากขึ้น ราว 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แต่น้ำหนุนน้อยลง ภาพรวมสถานการณ์วันนี้จึงดีกว่าเมื่อวาน โดยในช่วงเที่ยงของวันนี้น้ำขึ้นสูงสุดที่ประมาณ 2.1 เมตร ขณะที่เขื่อนของเราสูง 2.8 เมตร ยังเหลือระยะอีกประมาณ 70 เซนติเมตร ถือว่ายังปลอดภัยอยู่”
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้อธิบายด้วยว่า กรุงเทพมหานครใช้วิธี “สูบสู้” คือ สูบน้ำจากท่อที่เก็บน้ำที่รั่วหรือซึมออกมากลับไปยังแม่น้ำ เพื่อไม่ให้ไหลลงถนน พร้อมย้ำว่า ขณะนี้สถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ ยังไม่น่าเป็นห่วง เขื่อนเรายังสูงอยู่ จะมีบางจุดที่เป็นจุดฟันหลอ มีน้ำซึมออกมาบ้างแต่ไม่มาก สถานการณ์โดยรวมยังควบคุมได้ดี มีทีมงานอยู่หน้างานตลอด หากพื้นที่ใดมีปัญหาก็สามารถแจ้งเข้ามาได้
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่าแนวป้องกันน้ำในหลายจุดยังอยู่ในสภาพมั่นคงดี อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ ชัชชาติ ได้มอบหมายให้เร่งดำเนินการเสริมแนวกระสอบทรายเพิ่มเติมบริเวณรอบร้านอาหารโรงรส เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากการทรุดตัวของผนังอาคาร และลดความเสี่ยงที่น้ำจะไหลบ่าเข้าพื้นที่สำคัญโดยรอบ
ขณะเดียวกัน ชุมชนพิบูลสงคราม 1 เขตเทศบาลนครนนทบุรี บ้านเรือนกว่า 200 หลังคาถูกน้ำโอบล้อม โดยระดับน้ำในจุดต่ำบางแห่งสูงกว่า 50 เซนติเมตร ชาวบ้านระบุว่าหากเพิ่มขึ้นอีกเพียง 30 เซนติเมตรจะเทียบเท่าระดับน้ำปี 2554 เทศบาลจึงเสริมแนวคันกั้นน้ำด้วยหินคลุกและกระสอบทราย พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำทำงานตลอด 24 ชั่วโมง
นอกจากนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการก็ได้รับผลกระทบจากน้ำทะเลหนุนเช่นกัน โดยเฉพาะบริเวณตลาดปากน้ำ อำเภอเมือง ที่น้ำเอ่อล้นเข้าท่วมภายในตลาดและถนนสุขุมวิท (สายเก่า) ช่วงบางปู–คลองด่าน เจ้าหน้าที่ต้องอำนวยการจราจรให้รถสัญจรได้อย่างปลอดภัย รวมถึงถนนปู่เจ้าสมิงพรายและถนนรถรางที่มีน้ำท่วมเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้การจราจรติดขัดบางจุด
หน่วยงานท้องถิ่นทั้งกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ ยังคงเร่งเฝ้าระวังระดับน้ำอย่างใกล้ชิด โดยคาดว่าช่วงน้ำทะเลหนุนสูงสุดจะต่อเนื่องไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
