เปิดตำนานเมืองลิงลพบุรี สัมพันธ์คน-ลิง จากอดีตถึงปัจจุบัน สู่วิกฤตความขัดแย้ง
ณ ดินแดนลพบุรี เมืองเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าสามพันปี ผู้คนต่างคุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่ผูกพันแนบแน่นเคียงคู่ไปกับเหล่าลิง ที่อาศัยอยู่ท่ามกลางโบราณสถานและอาคารบ้านเรือน ราวกับว่าทั้งคนและลิงต่างเติบโตและดำรงชีพร่วมกันบนผืนแผ่นดินลพบุรีมาช้านาน จนกระทั่งในยุคสมัยนี้ เมื่อประชากรลิงเพิ่มจำนวนมากขึ้นเกินกว่าที่พื้นที่รองรับได้ จนเริ่มส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ การอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุขระหว่างคนกับลิงจึงถูกท้าทาย จนเทศบาลเมืองลพบุรีร่วมกับหน่วยงานอนุรักษ์ต้องเร่งหาทางออก ด้วยแผนอพยพลิงจากย่านชุมชนไปไว้ยังสถานที่เลี้ยงดูที่เหมาะสมแทน
ตำนานพันปี คนกับลิง ผูกพันผ่านเวลา
หากย้อนกลับไปในอดีตกาล ลพบุรีมีชื่อเสียงโด่งดังในนาม "เมืองละโว้" อันเป็นดินแดนที่ปรากฏในตำนานรามเกียรติ์ ซึ่งกล่าวถึงการที่พระรามได้มอบหมายให้หนุมานวานรนำเหล่าลิงมาปกครองเมืองนี้ หลังจากชนะศึกปราบทศกัณฐ์แล้ว ตำนานนี้สอดคล้องกับหลักฐานบันทึกของ นิโกลาส แชรแวส นักเดินทางชาวฝรั่งเศษ ที่เคยได้พบเห็นฝูงลิงมากมายตามริมน้ำและบริเวณใกล้เคียงในอาณาบริเวณอยุธยาและละโว้ เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2229
“ตามชายน้ำมีลิงทั้งตัวใหญ่ตัวน้อยไต่อยู่ยั้วเยี้ย แลดูราวกับว่ามันจงใจมากระโดดโลดเต้น และห้อยโหนโจนทะยานให้เราชมเล่นฉะนั้น แต่ก็ไม่เหมาะที่จะหยุดยั้งอยู่นานเกินไป เพราะอาจจะพบเข้ากับเสือ” ที่มาบันทึกของนิโกลาส แชรแวส (Nicolas Gervaise) นักเดินทางชาวฝรั่งเศษ ที่ติดตามคณะเผยแพร่ศาสนาเข้ามาในอยุธยา เมื่อ พ.ศ. 2224-2229 สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
สายใยแห่งความผูกพันระหว่างคนกับลิงในเมืองลพบุรี ปรากฏเป็นรูปธรรมให้เห็นชัดเจนที่สุด คือบริเวณศาลพระกาฬ ที่เชื่อกันว่าเป็นศาลเจ้าที่สำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแต่โบราณ และมีปูชนียวัตถุสำคัญคือ พระพุทธรูปสี่กร ที่สันนิษฐานว่าเป็นรูปจำลององค์พระนารายณ์ในคติความเชื่อของศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวลพบุรีมายาวนาน
ณ แหล่งโบราณสถานศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ได้กลายเป็นที่อยู่อาศัยของลิงป่าหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งลิงแสม ลิงวอก ลังกัง และลิงเสน โดยเฉพาะลิงวอกนั้นมีจำนวนมากที่สุด จนขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อลิงศาลพระกาฬ ฝูงลิงเหล่านี้ต่างสร้างสังคมและแบ่งอาณาเขตการปกครองกันเอง โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ ลิงศาล ที่ครอบครองพื้นที่รอบศาลพระกาฬถึงพระปรางค์สามยอด, ลิงตึก ที่อาศัยตามบ้านเรือนย่านสถานีรถไฟ, และลิงโรงเรียน ที่เคยตั้งรกรากใกล้โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย ก่อนจะค่อยๆ ย้ายถิ่นฐานมาอยู่บริเวณตลาดมโนราห์ในเวลาต่อมา
ความน่าสนใจของสังคมลิงที่นี่ คงหนีไม่พ้นเรื่องการต่อสู้แย่งชิงความเป็นจ่าฝูง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ได้รับการยกย่องจากสมาชิกในกลุ่ม ผู้ที่จะขึ้นครองบัลลังก์จ่าฝูงได้นั้น จะต้องมีพละกำลังมหาศาล และเก่งกาจในการต่อสู้ แม้อาจจะต้องบาดเจ็บจนหางขาด แต่หากชนะศึกมาได้ ก็จะได้สิทธิพิเศษในการกินอาหารชั้นเลิศ และมีลิงสาวสวยๆ มาคอยให้บรรเลงสำราญใจ
เทศกาลเลี้ยงโต๊ะจีนลิง มหัศจรรย์แห่งเมืองละโว้
จากความผูกพันแนบแน่นของคนกับลิงในเมืองลพบุรี ได้ถูกถ่ายทอดออกมาผ่านประเพณีงานเทศกาลเลี้ยงโต๊ะจีนลิงที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานานกว่า 30 ปี ในทุกวันอาทิตย์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี พื้นที่บริเวณศาลพระกาฬและพระปรางค์สามยอดจะเต็มไปด้วยโต๊ะอาหารที่จัดเลี้ยงพร้อมหน้าพร้อมตากัน ฝูงลิงนับร้อยนับพันตัวจะออกมาเฝ้ารอรับเครื่องเสวยปรุงแต่งชั้นเลิศที่ถูกจัดไว้อย่างสวยงาม
หากแต่ถึงเวลานี้ สัตว์ขนปุยน่ารักเหล่านี้กลับกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกได้มาร่วมถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึก ปรากฏการณ์นี้ได้กลายเป็นเอกลักษณ์ประจำเมืองที่คนทั่วโลกรู้จัก และยกย่องให้เป็น 1 ใน 10 เทศกาลที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก ซึ่งไม่มีที่ไหนเสมอเหมือน
ตลอดระยะเวลาเกือบ 1 ทศวรรษที่ผ่านมา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกับจังหวัดลพบุรี เทศบาลเมืองลพบุรี และการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดลพบุรี ในการจัดงานเทศกาลโต๊ะจีนลิงให้ยิ่งใหญ่ตระการตา โดยเพิ่มกิจกรรมการแสดงทางวัฒนธรรมผสมผสานกับความเป็นธรรมชาติของเหล่าลิงที่แสนน่ารัก พร้อมเชิญชวนนักท่องเที่ยวจากทุกสารทิศให้มาสัมผัสความมหัศจรรย์นี้ให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
เมื่อลิงเมืองถูกมองว่าเป็นปัญหา
จากจุดเริ่มต้นของการอยู่ร่วมกันมาอย่างยาวนาน จนเชื่อมโยงกลายเป็นงานเทศกาลที่โด่งดัง ความสัมพันธ์ของคนกับลิงในแผ่นดินลพบุรีได้พัฒนาต่อเนื่องมาจนเข้าสู่ยุคปัจจุบัน ที่เรียกได้ว่าเป็น "ยุคดิจิทัล" ซึ่งมนุษย์ต่างมีเทคโนโลยีอันก้าวล้ำเป็นเครื่องมือในการพัฒนาคุณภาพชีวิต แต่ในอีกมุมหนึ่งก็นำไปสู่การบุกรุกทำลายแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าอย่างรุนแรงมากขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน
ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ส่งผลให้ปริมาณประชากรลิงในเขตเทศบาลเมืองลพบุรีเพิ่มจำนวนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะลิงต่างอพยพเข้ามาหาอาหารในย่านชุมชนมากกว่าการออกหากินตามธรรมชาติ ซึ่งเริ่มก่อให้เกิดปัญหาความเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการเข้าไปแย่งชิงอาหาร ทำลายข้าวของเครื่องใช้ตามบ้านเรือน หรือแม้แต่ทำให้เสาอากาศโทรทัศน์เสียหาย จนชาวบ้านต้องหาวิธีป้องกันด้วยการหุ้มแผ่นสังกะสีเป็นทรงกรวยคว่ำคล้ายซึงนึ่งข้าว ซึ่งปรากฏการณ์นี้นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
การเพิ่มขึ้นของประชากรลิงในเมืองไม่เพียงส่งผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของคน แต่ยังเป็นภัยคุกคามต่อสุขอนามัยของฝูงลิงเองด้วย เพราะการกินอาหารเศษขยะของมนุษย์ ทำให้ลิงขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เสี่ยงต่อการได้รับเชื้อโรคจากแมลงวันที่มาตอม ส่งผลให้ลิงป่วยและมีอายุสั้นลง หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนี้ต่อไป สักวันหนึ่ง เราอาจต้องเผชิญกับปัญหาลิงจรจัดอย่างรุนแรง และอาจมีโรคอุบัติใหม่ที่เกิดจากลิงแพร่ระบาดมายังคนในชุมชนได้
แผนย้ายลิงสู่สวนสัตว์โพธิ์เก้าต้น
เมื่อปัญหาพุ่งทะยานเกินกว่าที่ชาวเมืองจะรับมือ นายจำเริญ สละชีพ นายกเทศมนตรีเมืองลพบุรี เปิดเผยว่า เทศบาลได้ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำแผนปฏิบัติการจับลิงในพื้นที่ใจกลางเมืองมาดูแลไว้ที่สวนลิงโพธิ์เก้าต้น ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการระหว่างวันที่ 5-15 มิถุนายน รวม 10 วัน โดยได้เริ่มติดตั้งกรงดักจับไว้หลายจุด ได้แก่ หน้าร้านไชโย บริเวณศูนย์การค้ามโนราห์ และหน้าสำนักงานสาธารณสุขเทศบาลเมือง
ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณดังกล่าวมีลิงจำนวนมาก ซึ่งก่อความเดือดร้อนรำคาญให้แก่ประชาชนในเขตเมือง รวมถึงนักท่องเที่ยวและผู้ที่เข้ามาซื้อสินค้าในเขตตัวเมืองลพบุรีเป็นอย่างมาก
นายจำเริญ กล่าวอีกว่า เมื่อติดตั้งกรงแล้วก็จะนำอาหารไปวางล่อไว้ในกรง เพื่อให้ลิงเข้าไปกินเป็นจำนวนมาก จากนั้นจึงทำการปิดกรงและคัดแยกลิงใส่ไว้ในกรงเล็กเพื่อนำตัวไปยังสถานอนุบาลสัตว์เทศบาลเมือง ตำบลโพธิ์เก้าต้น จากนั้นจะนำลิงเข้าสู่กระบวนการจัดทำประวัติ ตรวจโรค และทำหมัน ก่อนที่จะนำไปปล่อยในกรงลิงหมายเลข 1 และ 2 ที่เตรียมไว้ โดยในวันแรกของการจับ ถือว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เพราะจับลิงได้ถึงเกือบ 200 ตัว และตลอดระยะเวลา 10 วันของการปฏิบัติการครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตั้งเป้าจะให้ได้ไม่ต่ำกว่า 800-1,000 ตัว ซึ่งนายสัตวแพทย์ภัทรพล มณีอ่อน หัวหน้ากลุ่มงานจัดการสุขภาพสัตว์ป่า กรมอุทยานฯ ยืนยันว่าเป็นจำนวนที่ไม่เกินศักยภาพของสวนลิงโพธิ์เก้าต้นในการรองรับได้
บทส่งท้าย
แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนแปลงไปเพียงใด แต่สายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่างคนกับลิง ก็ยังคงดำรงอยู่ในจิตวิญญาณของความเป็นลพบุรี ซึ่งผูกโยงมาตั้งแต่ในตำนานรามเกียรติ์ถึงวิถีปัจจุบัน การค้นหาทางออกที่ลงตัว เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งระหว่างคนกับลิง จึงไม่ใช่เรื่องของใครคนใดคนหนึ่ง หากแต่เป็นภารกิจสำคัญที่ทุกคนในสังคมลพบุรีต้องร่วมมือกันคิด และขับเคลื่อนไปพร้อมๆ กัน
สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ การร่วมกันออกแบบแผนการจัดการอย่างบูรณาการเชิงระบบ ที่มุ่งเน้นไปที่การเชื่อมประสานผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งมนุษย์และสัตว์ เพื่อคงไว้ซึ่งดุลยภาพแห่งสมดุลธรรมชาติในระยะยาว และไม่ลืมที่จะกลับมาทบทวนตำนานความผูกพันที่มีต่อกันมาช้านาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจและทัศนะที่เห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน
ด้วยเพราะสัตว์ป่าเช่น ลิง แท้จริงแล้วมิใช่สิ่งแปลกปลอม หากแต่เป็นผู้รู้เห็น เป็นมิตรร่วมทุกข์ร่วมสุขกับผู้คน ผ่านกาลเวลาแห่งความผันผวน ตั้งแต่ยุคเมื่อลพบุรียังคงเป็นป่าดงดิบ มาจนถึงบัดนี้ที่ความเป็นเมืองได้เข้ามาแทนที่ความอุดมสมบูรณ์ไปแล้ว เราในฐานะผู้แบ่งปันผืนแผ่นดิน ย่อมไม่อาจละเลยความรับผิดชอบ ในการอนุรักษ์และจรรโลงไว้ซึ่งสายใยอันเก่าแก่ ที่ถักทอประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติผ่านกาลนาน ให้คงอยู่ควบคู่ไปกับความรุ่งเรืองของเมืองลพบุรีสืบไป
ภาพ TNN