รีเซต

NV จ่อขายไอพีโออัพแกร่ง ลุ้นเข้าเทรดSETช่วงธ.ค.นี้

NV จ่อขายไอพีโออัพแกร่ง ลุ้นเข้าเทรดSETช่วงธ.ค.นี้
ทันหุ้น
1 ธันวาคม 2564 ( 18:29 )
148
NV จ่อขายไอพีโออัพแกร่ง ลุ้นเข้าเทรดSETช่วงธ.ค.นี้

ทันหุ้น - NV เข็นไอพีโอ จำนวน 150 ล้านหุ้นเสนอขายนักลงทุน หวังระดมทุนปั้นโรงงาน-คลังสินค้าใหม่ คาดเข้าเทรด SET ได้ในเดือนธันวาคม 2564 พร้อมวาดฝันปี 2565 ผลงานโตต่อเนื่อง รับพอร์ตลูกค้าขยายตัว

 

นายนวพล จันทร์จุฑามาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนวา ออร์แกนิค จำกัด (มหาชน) หรือ NV เปิดเผยว่า บริษัทมีเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (ไอพีโอ) ให้กับประชาชนทั่วไป จำนวน 150 ล้านหุ้น หลังสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้เริ่มนับหนึ่งแบบแสดงข้อมูล (ไฟลิ่ง) ของบริษัทแล้วในช่วงที่ผ่านมา เพื่อเสริมความแข็งแกร่งของธุรกิจในอนาคต

 

จ่อเทรดSETธ.ค.

ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งหมด 300ล้านบาท โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท หรือราว 600 ล้านหุ้น ซึ่งเป็นทุนที่ชำระแล้ว 225 ล้านบาท หรือ 450 ล้านหุ้น ส่วนที่เหลือนั้นจะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดน่าจะสามารถเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ในช่วงเดือนธันวาคม 2564

 

ส่วนเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ ทาง NV จะนำไปใช้ลงทุนในโรงงานและคลังสินค้าแห่งใหม่ ให้สามารถรองรับและขยายพื้นที่ในการจัดเก็บสินค้าได้สะดวก รวดเร็วและมีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ปรับปรุงโรงงานเดิมสำหรับการผลิตสินค้าประเภทสมุนไพรและโรงงานสกัดสารสำคัญ ปรับปรุงอาคารสำนักงานแห่งใหม่ ทดแทนการเช่าอาคารซึ่งมีพื้นที่ขนาดเล็กไม่เพียงพอต่อการขยายตัวของบริษัท และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไป

 

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันบริษัทได้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร (Dietary Supplement Product) ซึ่งมีส่วนประกอบหลักจากวัตถุดิบที่หลากหลาย ภายใต้เครื่องหมายการค้าของบริษัท แบ่งผลิตภัณฑ์ออกได้เป็น 3กลุ่ม ได้แก่ 1.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าโดนัทท์ (DONUTT) เช่น โดนัทท์คอลลาเจน โดนัทท์ไฟบิลี่ 2.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนส (LIVNEST) ซึ่งมีส่วนผสมหลักจากวัตถุดิบถั่งเช่า

 

และ 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าอื่นๆ เช่น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลินจือพลัส ชิตาเกะ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมัทซึทาเกะ และผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมภายใต้เครื่องหมายการค้าคิว-ติน (Q-Tin) เป็นต้น ซึ่งหากจำแนกสัดส่วนรายได้ของ NV ตามกลุ่มสินค้านั้นจะเป็นกลุ่มถังเช่าราว 50-60% ส่วนที่เหลือมาจากสินค้าในกลุ่มคอลลาเจน

 

ขณะที่จุดแข็งของบริษัทในปัจจุบันนั้นคือ การมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง จึงทำให้สามารถบริหารจัดการต้นทุนและควบคุมมาตรฐานสินค้าได้เป็นอย่างดี ประกอบกับบริษัทยังมีช่องทางจัดจำหน่ายผ่านทางการขายทางโทรศัพท์ (Telesales) ของตนเองกว่า 250 คู่สาย และช่องทางจำน่ายตามร้านค้าชั้นนำต่างๆ อาทิ วัตสัน ฯลฯ นอกจากนี้ ทาง NV ยังมีแนวทางในการพัฒนาสินค้าที่มีความหลากหลายทั้งสินค้าเพื่อความงามและสุขภาพ

 

ปี65ผลงานโตต่อ

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการปี 2565 บริษัทประเมินว่าน่าจะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ประมาณการรายได้ไว้ราว 1.2 พันล้านบาท เพราะธุรกิจมีการขยายช่องทางขายและออกผลิตภัณฑ์ใหม่เพิ่มเติม เพื่อขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น หวังสนับสนุนยอดขายของธุรกิจโตต่อเนื่อง

 

นายนวพล กล่าวเสริมว่า ในแง่แนวโน้มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมสุขภาพในประเทศนั้นมีทางเติบโตมากกว่า 5% ต่อปี หลังผู้คนหันมาใส่ใจทางด้านสุขภาพมากยิ่งขึ้น จึงถือเป็นโอกาสในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และสร้างยอดขายในอนาคตให้กับธุรกิจต่อไป

 

อนึ่ง บริษัทมีรายได้จากการขายรวมสำหรับปี 2561 – 2563 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 327.42 ล้านบาท 478.07 ล้านบาท 2,231.29 ล้านบาท และ 910.14 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งในปี 2563 ผลิตภัณฑ์ภายใต้เครื่องหมายการค้าลีฟเนสเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่สร้างรายได้หลักให้แก่บริษัท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 88.54% ของรายได้รวมทั้งหมด บริษัทมีกำไรสุทธิ 2561 – 2563 และสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 17.60 ล้านบาท 75.65 ล้านบาท 780.81 ล้านบาท และ 74.22 ล้านบาท ตามลำดับ โดยมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 5.31% 15.80% 34.86% และ 8.14% ตามลำดับ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง