TikTok,Snap,YouTube ยืนยันต่อสภาคองเกรส พวกเราไม่เหมือน Facebook
Snap, TikTok และ YouTube ดูเหมือนว่าจะพยายามเอาตัวออกห่างดราม่าของ Facebook ด้วยการโน้มน้าวฝ่ายนิติบัญญัติว่าบริษัทของพวกเขามีความโปร่งใส และมีมาตรการดูแลผู้ใช้งาน ไม่เหมือนกับ Facebook ซึ่งนี่นับว่าเป็นครั้งแรกที่ตัวแทนจาก Snap และ TikTok ให้การต่อหน้าสภาคองเกรส
โดยพวกเขากล่าวว่า บริษัทพร้อมที่จะสร้างความแตกต่าง ไม่เหมือนกับ Facebook ยักษ์ใหญ่ของโซเชียลมีเดียที่กำลังตกเป็นประเด็นอื้อฉาวอยู่ในขณะนี้ และเน้นว่าพวกเขาได้สร้างการปกป้องความเป็นส่วนตัวสำหรับเด็กและวัยรุ่นบนแพลตฟอร์มของพวกเขาอีกด้วย
ซึ่งจุดเริ่มต้นก็มาจากการออกมาแฉของอดีตพนักงาน Facebook คุณ Frances Haugen จุดประเด็นให้สมาชิกวุฒิสภาต้องพิจารณาเกี่ยวกับความโปร่งใสและการดูแลผู้ใช้งานเยาวชนของบรรดาบริษัทโซเชียลมีเดียเหล่านี้ และนี่ก็อาจเป็นสาเหตุว่าทำไม Snap และ TikTok จึงต้องการแยกตัวเองออกมาจากดราม่า ด้วยการให้คำมั่นกับสภาคองเกรสว่าการวิจัยภายใน รวมถึงระบบอัลกอริทึมของพวกเขาจะมีความโปร่งใสมากขึ้น เพื่อให้สภาคองเกรสสามารถเข้าถึงได้
ความพยายามในการกันตัวเองออกจากการโดนเอาไปเหมารวมกับ Facebook ยิ่งชัดมาก เมื่อ Jennifer Stout รองประธานฝ่ายนโยบายสาธารณะระดับโลกของ Snap กล่าวว่า “Snapchat เป็นเหมือนยาแก้พิษของโซเชียลมีเดีย และพวกเรานิยามตัวเองว่าเป็นบริษัทกล้องด้วยซ้ำ”
ส่วน TikTok เองก็ไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับ Facebook เหมือนกัน โดย Michael Beckerman รองประธานของ TikTok และหัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะสำหรับอเมริกากล่าวว่า “TikTok เป็นแพลตฟอร์มความบันเทิงระดับโลกที่ผู้คนสร้างและดูวิดีโอแบบสั้น” โดยระบุว่าแอปพลิเคชันมีการปกป้องผู้ใช้งานที่เป็นผู้เยาว์ด้วยการตั้งค่าปิด Direct Message และฟีเจอร์อื่น ๆให้โดยอัตโนมัติ
อย่างไรก็ตาม คำแถลงของบริษัทก็ไม่ได้ช่วยให้ฝ่ายนิติบัญญัติวางใจได้ว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้จะไม่ถูกนำมาใช้ในลักษณะที่เป็นอันตรายเช่นเดียวกับ Facebook และ Instagram แต่แม้ว่า Snap, TikTok และ YouTube จะพยายามเอาตัวเองออกห่างเท่าไหร่ แต่ Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Facebook ก็พยายามดึงพวกเขาให้เข้ามาใกล้มากขึ้น
โดย Zuckerberg ออกมาประกาศว่าต่อไปนี้จะเปลี่ยนการบริการให้โฟกัสไปที่คนหนุ่มสาวมากขึ้น เพื่อสู้กับคู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง TikTok และถึงขั้นออกปากเรียก TikTok ว่า "หนึ่งในคู่แข่งที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดที่เราเคยเผชิญมา"
ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีที่บรรดาบริษัทโซเชียลมีเดียต่างก็ออกมาแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วยการยินยอมให้สภาคองเกรสเข้าถึงการตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ และระบบอัลกอริทึมได้อย่างโปร่งใส แต่นี่จะช่วยให้เราเชื่อมั่นว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่เดินตามรอย Facebook หรือไม่ ก็คงต้องรอดูกันต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก
ขอบคุณภาพจาก