เก็ง “อนุทิน” แก้เศรษฐกิจ ปมขัดแย้งไทย-กัมพูชา

#อนุทิน #ทันหุ้น – นักวิเคราะห์สแกนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลอนุทินหนุนหุ้นค้าปลีก-F&B ท่องเที่ยว “เซียนมี่” แนะเก็งกำไรตามกระแส พร้อมจับตาเกมการเมืองนิ่ง ไม่นิ่ง แนะลงทุนหุ้นเศรษฐกิจใหม่ อาทิ กลุ่ม IT กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มวางระบบ
นายสรพล วีระเมธีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าทีมกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ได้วิเคราะห์นโยบายเศรษฐกิจ ของรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล โดยเฉพาะ 2 นโยบายเร่งด่วน ประกอบด้วย 1.เสริมสร้างความมั่นคงของประเทศ แก้ไขปัญหาชายแดนไทย - กัมพูชา ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดด่านชายแดน รวมถึงการเปิดน่านฟ้าให้สามารถกลับมาเดินทางติดต่อกัน พร้อมกันนี้แนะนำหุ้นที่อาจได้รับประโยชน์จากการเปิดด่านชายแดนไทย – กัมพูชา อาทิ OSP-CBG-BCH-SAV เป็นต้น
อีกนโยบายเร่งด่วน คือ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ มุ่งลดค่าครองชีพ ราคาพลังงาน แก้ไขปัญหาหนี้สิน เสริมรายได้ให้ผู้ประกอบการ อย่างไรก็ตามรัฐบาลมีระยะเวลาราว 4 เดือน ดังนั้นนโยบายที่สามารถนำมาดำเนินการได้ จึงมีแนวโน้มเป็นเพียงการกระตุ้นกำลังซื้อในระยะสั้น อาทิ 1.นโยบาย “คนละครึ่ง” ซึ่งสามารถนำวงเงินงบฯ กลาง 2.5 หมื่นล้านบาทที่มีอยู่แล้วมาดำเนินการได้ทันที 2.นโยบายช้อปดีมีคืน(Tax Intensive) 3.กระตุ้นบรรยากาศการท่องเที่ยว
“จากสถิติที่ใช้นโยบายคนละครึ่งพบว่าเข้าถึงประชาชนได้ราว 20 – 30 ล้านคน ขณะที่การคืนภาษี ประชากรไทยที่เสียภาษีมีเพียง 4 ล้านคน ดังนั้นการนำนโยบายคนละครึ่งกลับมาใช้น่าจะกระตุ้นกำลังซื้อของคนส่วนใหญ่ในประเทศไทยเร็วกว่า สะท้อนจากหุ้นกลุ่มค้าปลีกที่ดีดขึ้นมารับกระแสข่าวดังกล่าว”
พร้อมกันนี้ แนะนำหุ้นที่มีแนวโน้มได้รับอานิสงส์จากการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ อาทิ CPAXT สำหรับนโยบายกระตุ้นการท่องเที่ยวแนะนำ THAI-AAV ซึ่งจะได้อานิสงส์จากเงินบาทที่แข็งค่าด้วย
เก็งกำไรตามกระแส
นายทิวา ชินธาดาพงศ์ (เซียนมี่) วิทยากรและนักพูดให้ความรู้ด้านการลงทุน กล่าวแสดงทรรศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองที่ดูนิ่งขึ้น ถือเป็นปัจจัยกระตุ้นความเชื่อมั่นด้านการลงทุนของนักลงทุนทั่วไป รวมถึงนักลงทุนต่างชาติจึงเห็นเม็ดเงินไหลกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวเนื่องกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม แนะนำเพียง “เก็งกำไร” ตามกระแสข่าวแต่ก็ต้องมีจุด Stop Loss เพื่อป้องกันความเสี่ยงและติดตามสถานการณ์ความผันผวนที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลนายอนุทิน ชาญวีรกูล เป็นรัฐบาลเฉพาะกิจ มีหน้าที่เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อยุบสภา แม้ว่าพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ผ่าน และสามารถเบิกจ่ายได้แล้ว แต่คาดว่ารัฐบาลเฉพาะกิจจะเลือกเบิกจ่ายเฉพาะ 1.งบประจำ 2.งบผูกพัน และ 3.งบลงทุนสำหรับโครงการที่ผ่านการพิจารณาจากคณะรัฐมนตรีมาแล้ว เพื่อให้โครงการดำเนินต่อได้เท่านั้น
“หุ้นค้าปลีกที่ดีดขึ้นมารับข่าว แนะนำเพียงเก็งกำไรตามกระแส เพราะหากพิจารณาเศรษฐกิจไทยเมื่อหมดแรงกระตุ้นกำลังซื้อก็ไม่น่าจะฟื้นได้อย่างต่อเนื่อง คาดว่ารัฐบาลจะดำเนินการกระตุ้นเศรษฐกิจเฉพาะหน้าในช่วง 4 เดือนนี้ เช่น “คนละครึ่ง” และอาจมีการปรับนโยบายท่องเที่ยวให้เปิดกว้างขึ้น งานหลักของรัฐบาลในช่วง 4 เดือนนี้คือการ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ดังนั้นแม้ว่าจะสามารถดึงเงินจากงบประมาณปี 2569 มาใช้ได้ แต่ส่วนใหญ่เป็นงบประจำ งบพิเศษหรือโครงการลงทุนใหม่ที่เกินกว่าที่ได้รับการอนุมัติไว้ก่อนหน้า ไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้”
แนะมองพื้นฐานเศรษฐกิจไทย
นายทิวา ย้ำว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง สามารถเติบโตได้อย่างมีเสถียรภาพดังนั้น กรณีที่ดัชนีมีการอ่อนตัวลง หรือเคลื่อนไหวตอบรับกระแสข่าวเชิงลบ นักลงทุนยังสามารถเลือกลงทุนหุ้นที่อิงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะกลุ่ม IT กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มวางระบบ เนื่องจากเมื่อมีคณะรัฐบาลชุดใหม่ที่มีเสถียรภาพ งบลงทุนที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเหล่านี้จะไม่สะดุด เนื่องจาก พ.ร.บ.งบปี 2569 ผ่านแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยหนุนจากการเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมถึง Virtual Bank ที่กำลังจะเข้ามา ซึ่งจะทำให้ธนาคารเดิมต้องลงทุนอัพเกรดระบบเพื่อแข่งขัน และกระตุ้นการลงทุน Digital Transformation เพื่อให้สามารถแข่งขันได้
“นโยบาย Thailand's Cloud First Policy ที่ให้ทุกหน่วยงาน กรม กองย้ายฐานข้อมูลทุกอย่างขึ้นไปไว้บน Cloud ดังนั้นจึงยังมองว่ากลุ่มสินค้าไอที เทคโนโลยี และกลุ่มวางระบบ Technology, System Integration ยังสามารถเติบโตได้ในระยะยาว”
พร้อมกันนี้แนะนำเก็งกำไรหุ้นกลุ่มอาหารที่ราคาอ่อนตัว เนื่องจากการที่รัฐบาลใช้นโยบายลดภาระค่าครองชีพ ส่งผลให้ประชาชนมีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น ประกอบกับไตรมาส 4/2568 เข้าสู่ช่วงส่งท้ายปี จึงมีแนวโน้มที่จะแบ่งค่าใช้จ่ายบางส่วนไปใช้ในการสังสรรค์ร่วมกับในครอบครัว
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
