"จ้างหย่า" ข้อเสนอที่รักนี้มิอาจกั้น
TrueID
15 ตุลาคม 2563 ( 00:30 )
500
นักกฎหมายคงจะเลี่ยงคำๆนี้ได้ยาก เพราะเรามีงานทำ ก็ด้วยเรื่องชาวบ้านชาวช่องทั้งน้าน....วันหยุดนั่งไถจออยู่บ้าน ก็ได้เจอข่าว เศรษฐีนีผู้ถูกรางวัลชุดใหญ่เก้าสิบล้าน จ้างสามี สามสิบล้านเพื่อขอยุติชีวิตคู่ ประเด็นมันฮอตขึ้นหลายดีกรี เมื่ออดีตสามีที่เป็นข่าว ออกโรงมาโต้ผ่านสื่อ จึงเป็นอีกหนึ่งเรื่องของชาวบ้านที่น่าสนใจ สำหรับเรา
แต่ข้อเท็จจริงคงต้องรอให้ทั้งสองฝ่ายออกมาเหลาอีกหลายรอบกว่าจะยุติ จะเป็นอย่างไรก็เป็นการตัดสินใจของทั้งสองคน เราไม่ตำหนิหรือเข้าข้างฝ่ายใด ทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลของตน ชีวิตคู่ของทั้งสอง เป็นเรื่องที่ทั้งสองต้องตัดสินใจ คนไม่เคยถูกเก้าสิบล้านอย่างเราๆ ไม่เข้าใจหรอก แต่ที่เราว่าน่าสนใจเพราะ นี่ไม่ใช่เคสแรก ที่ผู้โชคดีจากรางวัลที่หนึ่ง จ้างหย่าสามีหรือภรรยาของตน หากยังจำได้ กรณีเสี่ยปานเลิกภรรยา และกรณีแม่ค้ากล้วยทอดเลิกสามี เป็นต้น และเรามั่นใจว่า เคสนี้ไม่ใช่รายสุดท้ายแน่นอน
หากใครที่สมรสแล้ว วางแผนจะถูกรางวัลชุดใหญ่ในอนาคต และมีโครงการจะหย่ากับอีแก่หรือ ไอ้แก่ที่บ้าน
หรือใครที่หวาดระแวงว่า คนที่บ้านถูกรางวัลที่หนึ่งแล้ว จะถูกจ้างหย่า แล้วถีบหัวส่งแบบในข่าว ลองฟังไว้ก็ไม่เสียหายนะ การหย่าสำหรับคู่ผัวเมียที่จดทะเบียนกันชอบด้วยกฎหมาย อาจทำได้โดยความสมัครใจโดยไปจดทะเบียนหย่าที่อำเภอ หรือหากตกลงกันไม่ได้
ก็ต้องใช้วิธีที่สอง คือฟ้องร้องกันเป็นคดีที่ศาล หย่าแล้ว ก็มีเรื่องต้องตกลงกันหลายเรื่อง หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องสินสมรส ว่าจะแบ่งกันอย่างไร ก็ตามแต่ข้อตกลง แต่หากตกลงกันไม่ได้ ตามกฎหมายก็ต้องแบ่งสินสมรส กันคนละครึ่ง รางวัลจากการถูกฉลากกินแบ่ง เป็นทรัพย์สินที่ได้มาระหว่างสมรส จึงเป็นสินสมรส ! และแน่นอน คู่สมรสต้องแบ่งเงินรางวัลกันคนละครึ่ง
ฝ่ายที่ถูกรางวัลจะอ้างว่า เงินของฉันซื้อ รางวัลต้องเป็นของฉัน ฉันจะแบ่งให้เธอเท่าไหร่ หรือไม่แบ่ง ก็ได้ ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้นนะจ้ะ หรือหากยังไม่อยากจะหย่ากัน แต่อีกฝ่ายกีดกันไม่ยอมให้เข้าไปยุ่งกับเงินรางวัล แล้วกลัวฝ่ายที่ถูกรางวัลจะถลุงเงินรางวัลหมดก่อน ทางแก้ก็ยังมี
โดยต้องยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้ตนเป็นผู้จัดการสินสมรสนั้นโดยเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือขอเข้าร่วมจัดการกับอีกฝ่ายหนึ่งได้ ถ้าการกระทำเช่นนั้นจะเป็นประโยชน์ยิ่งกว่า แหม ... ชีวิตคู่ ไม่เคยง่ายเลยนะ ไม่มีเงินก็มีปัญหา มีเงินร่ำรวย ก็มีปัญหา
โบราณว่า สายน้ำเปลี่ยนใจปลา เงินตราเปลี่ยนใจคน นี่เถียงไม่ออกจริงๆ
____________________________________________
ทำให้นึกถึงหนังยุค ๙๐ เรื่องหนึ่ง ที่ใช้ชื่อไทยว่า “ ข้อเสนอที่รักนี้มิอาจกั้น “ ซึ่งมีประเด็นคล้ายๆในข่าว แต่ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว
หนังอายุ ๒๗ ปีเรื่องนี้ เล่าเรื่องคู่ผัวเมียรายได้แค่หยิบมือ และได้รับข้อเสนอจากมหาเศรษฐีหนุ่มใหญ่ที่ท้าทายชีวิตคู่ของพวกเขาสุดๆ ด้วยการมอบเงิน หนึ่งล้านดอลล่าร์ ( สามสิบล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยนวันนี้ ) แลกกับการที่ผัวต้องยอมให้เมียไปร่วมหลับนอนกับเศรษฐี ๑ คืน ตัดมุมมองของเศรษฐีออกไป คนมีกะตังค์ทำอะไรก็ไม่น่าเกลียด ก็เงินมันจ้างผีโม่แป้งยังได้ ดังนั้นเขาใช้เงินซื้อความสุขความพอใจ มันผิดตรงไหน
แต่สำหรับผัวเมียที่รักกันดื่มด่ำคู่นี้ ไม่ว่าจะตัดสินใจอย่างไร ก็มีผลกับชีวิตคู่ทั้งชีวิตที่เหลือ พวกเขาจะยอมกัดก้อนเกลือกินกันต่อไป หรือใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย สเตอร์ บอกว่ารักกินไม่ได้ น้าหมูบอกว่า ยามรักไม่กินก็อิ่ม แต่อิ่มในใจมันไม่เหมือนอิ่มในท้องนะน้า ในที่สุดฝ่ายเมียก็รับข้อเสนอ ไม่แปลกเลยที่เธอตัดสินใจเช่นนั้น เพราะความจำเป็น ความโลภ บีบบังคับให้คนเราตัดสินใจทำเรื่องเช่นนี้ได้ง่ายๆ
แน่นอนมันเป็นโหดร้าย ไร้ศีลธรรม และเป็นการตัดสินใจที่เจ็บปวดของทั้งคู่ นี่ไม่ใช่ส่วนที่ยากที่สุดในหนังเรื่อง ส่วนที่ยากกว่า คือเรื่องราวหลังจากคืนนั้นต่างหาก เธอกลับมาหาผัวพร้อมค่าตอบแทนตามข้อตกลง แต่นับจากคืนนั้น ชีวิตคู่ของเขาและเธอก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป ทั้งคู่อยู่กันด้วยความระแวง เคลือบแคลงในอีกฝ่าย มองตากันไม่สนิทใจ ประมาณว่า จูบไม่เหมือนเมื่อก่อน กอดไม่เหมือนที่เคย อย่างที่พี่โป่งว่าไว้ สุดท้ายความห่างเหิน เย็นชาก็ทำให้ทั้งสองต้องแยกทาง
แต่นั้นเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของหนัง เรื่องอีกครึ่งที่เหลือคือสาระจริงๆของเรื่อง และเราขอไม่สปอยส์ดีกว่า ชีวิตคู่จำเป็นต้องเจอบททดสอบเป็นธรรมดาจะแสนสาหัสหรือ ง่ายดาย ก็ขึ้นอยู่กับมุมมอง และเหนือสิ่งใดก็คือความรัก ความเข้าใจ ระหว่าง ทั้งคู่ ว่าพร้อมจะยอมรับและให้อภัยซึ่งกันได้เพียงใด คู่ชีวิตที่รัก เข้าใจกัน พร้อมจะดูแลกันไปตลอดอายุขัย หาได้ยากพอๆกับรางวัลที่หนึ่งเลยนะ หากคุณได้พบเจอแล้ว เราก็ขอแสดงความยินดีด้วย เพราะเหมือนถูกเลขท้ายสองตัวทุกวันเลย
ขอบคุณข้อมูลข่าว : ทนายบันเทิง
++++++++++++++++++++