รีเซต

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนซื้อรถไฟฟ้า EV คันแรก

สิ่งที่ควรรู้ ก่อนซื้อรถไฟฟ้า EV คันแรก
EntertainmentReport1
23 เมษายน 2568 ( 14:09 )
15

ด้วยราคาค่าเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถยนต์ไฟฟ้า EV 100% ได้รับความสนใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมาตราฐานส่งเสริมจากภาครัฐฯ และการแข่งขันด้านราคา ทำให้ราคารถยนต์ไฟฟ้า EV ในปัจจุบันปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกระตุ้นให้คนหันไปใช้รถยนต์ไฟฟ้ากันมากขึ้น ดังนั้นในบทความนี้เราขอแนะนำความรู้พื้นฐานสำหรับมือใหม่ที่กำลังสนใจรถยนต์ไฟฟ้า ว่าเราควรพิจารณาอะไรบ้าง รวมถึงสิ่งที่ควรรู้เพื่อประกอบการตัดสินใจในการเลือกใช้งานรถยนต์ EV คู่ใจสักคัน ดังนี้เลย

 

 

1. ทำความเข้าใจประเภทของรถยนต์ไฟฟ้า EV

ประเภทรถยนต์ไฟฟ้าที่เป็นที่นิยมในบ้านเราตอนนี้ มีอยู่ 3 ประเภทดังนี้

  • BEV (Battery Electric Vehicle): รถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ 100% ไม่มีการปล่อยมลพิษโดยตรง ต้องชาร์จไฟฟ้าจากภายนอก
  • PHEV (Plug-in Hybrid Electric Vehicle): รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด มีทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ สามารถชาร์จไฟฟ้าจากภายนอกได้ และวิ่งด้วยไฟฟ้าล้วนได้ในระยะทางจำกัด
  • HEV (Hybrid Electric Vehicle): รถยนต์ไฮบริด มีทั้งเครื่องยนต์สันดาปภายในและมอเตอร์ไฟฟ้า แต่แบตเตอรี่มีขนาดเล็กและชาร์จไฟจากการเบรกหรือเครื่องยนต์ ไม่สามารถชาร์จจากภายนอกได้ 

2. พิจารณาความต้องการและลักษณะการใช้งาน:

  • ระยะทางที่ใช้งานต่อวัน/สัปดาห์: เลือกรถที่มีระยะทางวิ่งต่อการชาร์จที่เพียงพอต่อการใช้งานของคุณ และอย่าลืมเผื่อระยะทางสำรองไว้ด้วย
  • เส้นทางการขับขี่ส่วนใหญ่: ถ้าอยู่ในเมือง ซึ่งมีสถานีชาร์จเยอะ ไม่ได้เดินทางไกลบ่อย ก็อาจใช้รถไฟฟ้า EV 100% ได้ หรือหากมีการเดินทางไกลบ่อย อาจมองเป็นรุ่นไฮบริดอาจจะสะดวกมากกว่า
  • จำนวนผู้โดยสารและสัมภาระ: เลือกรุ่นและขนาดรถที่ตอบโจทย์การใช้งาน
  • งบประมาณ: กำหนดงบประมาณทั้งในส่วนของการซื้อรถ และค่าใช้จ่ายในการติดตั้งเครื่องชาร์จที่บ้าน (ถ้าจำเป็น)

 

 

3. ทำความเข้าใจเรื่องการชาร์จ:

ความเข้าใจในประเภทของเครื่องชาร์จ ก็เป็นสิ่งสำคัญครับ โดยหลักๆ แล้วจะมีระบบชาร์จ 2 ประเภท ดังนี้

  • AC Charger : เครื่องชาร์จแบบกระแสสลับ ความเร็วในการชาร์จขึ้นอยู่กับ On-board Charger ของรถและกำลังไฟของเครื่องชาร์จ มักใช้สำหรับชาร์จที่บ้านหรือที่ทำงาน ส่วนใหญ่จะช้ากว่าแบบ DC
  • DC Charger : เครื่องชาร์จแบบกระแสตรง มีความเร็วในการชาร์จสูงกว่า สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้ถึง 80% ในเวลาไม่นาน มักพบตามสถานีชาร์จสาธารณะ

ควรวางแผนว่าจะชาร์จที่ไหนเป็นหลัก ที่บ้าน ที่ทำงาน หรือตามสถานีชาร์จสาธารณะ แถวบ้านหรือที่ทำงานที่เราต้องเดินทางเป็นประจำมีสถานีชาร์จหรือไม่ รวมถึงช่วงเวลาในการชาร์จตามจุดต่างๆ มีผู้ใช้บริการเยอะหรือไม่ จุดนี้ก็ถือเป็นอีกจุดที่ควรพิจารณา

4. ศึกษาเรื่องแบตเตอรี่:

ควรศึกษาเรื่องขนาดความจุแบตเตอรี่ของรถที่เราเลือกด้วย เนื่องจากจะมีผลต่อระยะทางวิ่งต่อการชาร์จ หากวิ่งไม่ไกลมาก ก็อาจจะเลือกรุ่นที่แบตไม่ต้องใหญ่มาก แต่ถ้าหากมีการเดินทางไกล ก็ควรเลือกแบตที่มีความจุสูง 

ส่วนอายุการใช้งานแบตเตอรี่ โดยทั่วไป แบตเตอรี่ EV มีอายุการใช้งานหลายปี และมักมีการรับประกันจากผู้ผลิต จึงควรตรวจสอบเงื่อนไขและระยะเวลาการรับประกันแบตเตอรี่จากผู้ผลิตด้วย เพราะส่วนมากจะมีราคาค่อนข้างสูง

 

 

5. พิจารณาเรื่องราคาและค่าใช้จ่าย:

ส่วนใหญ่ราคารถยนต์ไฟฟ้าโดยทั่วไปอาจมีราคาสูงกว่ารถยนต์สันดาปภายในในรุ่นที่เทียบเคียง แต่อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้า EV ขนาดเล็กเข้ามาในตลาดบ้านเราค่อนข้างเยอะ ซึ่งมีราคาเริ่มต้นเพียง 3-4 แสนบาทเท่านั้น

ในส่วนของค่าบำรุงรักษา โดยทั่วไป รถยนต์ไฟฟ้ามีค่าบำรุงรักษาที่ต่ำกว่า เนื่องจากมีชิ้นส่วนที่เคลื่อนไหวน้อยกว่า แต่ค่าประกันภัยเมื่อเทียบกับรถยนต์สันดาปถือว่ามีราคาค่อนข้างสูงกว่า อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาจากประกันภัยสำหรับข้อมูลเพิ่มเติมจากแต่ละบริษัทด้วย

6. ทดลองขับ:

การทดลองขับรถยนต์ไฟฟ้าที่คุณสนใจจะช่วยให้คุณสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ อัตราเร่ง ความเงียบ และฟังก์ชันต่างๆ ของรถได้โดยตรง

 

 

7. ศึกษาข้อมูลและรีวิว:

ควรอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประกอบการตัดสินใจ ซึ่งในปัจจุบันจะมีกลุ่มผู้ใช้งานจริงบนโซเชียลเน็ตเวิร์คมากมาย ควรเข้าไปศึกษาปัญหาการใช้งานจริงจากในกลุ่มผู้ใช้ก่อน รวมถึงบริการหลังการขายของแบรนด์ และควรเปรียบเทียบหลายๆ แบรนด์ เพื่อให้ได้รถที่ตรงใจมากที่สุด

การเตรียมตัวและศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด จะช่วยให้คุณสามารถเลือกรถยนต์ไฟฟ้าคันแรกที่เหมาะสมกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของคุณได้อย่างมั่นใจครับผม

Photo Credit : AI Generated

ข่าวที่เกี่ยวข้อง