รีเซต

FPIยอดOEMทะยาน2เท่า รับข่าวดีอินเดีย-งานแน่น

FPIยอดOEMทะยาน2เท่า รับข่าวดีอินเดีย-งานแน่น
ทันหุ้น
19 กรกฎาคม 2564 ( 06:55 )
53

 

ทันหุ้น – FPI ยอด OEM ทะยาน 2 เท่า ลูกค้าสต็อกสินค้าเพียบ ด้านผู้บริหารส่งซิกบาทอ่อน หนุนมาร์จิ้นส่งออก ตุน Backlog แน่น 700 ล้านบาท ชี้ผลงานไตรมาส 2/64 ฟื้นตัวชัด ออเดอร์ไหลเข้าเพียบ ลุ้นรายได้ปีนี้ทะลุเป้า 15% พร้อมขยายไลน์ธุรกิจใหม่อัพฐานแกร่ง

 

นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่า หากทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าที่ระดับ 32.5-32.6 บาทต่อดอลล่าร์ คาดจะเป็นผลดีต่อการส่งออกสินค้าไปต่างประเทศ เพราะบริษัทมีคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) เป็นจำนวนมาก ขณะที่ปัจจุบันมี Backlog รอส่งมอบ 600-700 ล้านบาท แต่ระยะนี้อาจติดปัญหาเรื่องการขนส่งสินค้า เนื่องจากหาตู้คอนเทรนเนอร์ยาก โดยเฉพาะการขนส่งไปอเมริกาใต้ ตะวันออกกลาง แต่อย่างไรก็ตามบริษัทจะพยายามส่งมอบสินค้าให้กับลูกค้าให้มากที่สุด

 

ออเดอร์พุ่ง 2 เท่า

 

ส่วนทิศทางในประเทศ ออเดอร์ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่ที่ผลิตให้กับผู้ผลิต ซึ่งเป็นเจ้าของตราสินค้าหรือ OEM ไตรมาส 3/2564 เพิ่มขึ้น 2 เท่าตัว เพราะลูกค้าต้องการสต็อกสินค้าจำนวนมาก หลังสถานการณ์โควิด-19 ระบาดหนักในประเทศไทย ลูกค้าจึงสั่งสินค้าจำนวนมากเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการล็อกดาวน์ จะทำให้สินค้าไม่ขาดตลาด และเพียงพอต่อความต้องการใช้สินค้า

 

“เงินบาทอ่อนค่าจะช่วยหนุนให้มาร์จิ้นส่งออกเราดีขึ้น แต่คงต้องดูระยะยาวว่าเงินบาทจะอ่อนค่าไปได้ยาวสักแค่ไหน เพราะถ้าบาทอ่อนยาว จะช่วยทำให้มาร์จิ้นเราดีขึ้นอย่างชัดเจน”นายสมพล กล่าว

 

ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2564 บริษัทคาดจะเป็นไตรมาสที่ฟื้นตัวชัดเจน เพราะช่วงเดียวกันกับปีก่อน ประเทศไทยล็อกดาวน์ทำให้บริษัทไม่สามารถส่งสินค้าให้กับลูกค้าได้เลย ขณะเดียวกันตั้งแต่ต้นปี 2564 บริษัทเริ่มส่งมอบสินค้าได้บ้างแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณทางธุรกิจที่ดี

 

ยอดทะลุเป้า

 

ส่วนภาพรวมทั้งปี 2564 บริษัทคาดรายได้มีโอกาสจะเติบโตสูงกว่าเป้า 15% เนื่องจากไตรมาส 2/2564 บริษัทมีวอลุ่มการสั่งซื้อเพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก หลังจากจีน อินโดนีเซียพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ฐานการผลิตถูกย้ายมาที่ประเทศไทยจำนวนมาก ขณะเดียวกันบริษัทคาดทิศทางมาร์จิ้นจะปรับตัวดีขึ้น และจะทำให้ภาพรวมผลประกอบการทั้งปี 2564 กลับมาฟื้นตัวได้ชัดเจนเมื่อเทียบกับปี 2563 อนึ่งปี 2563 บริษัทมีรายได้ที่ 1.84 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 18.75 ล้านบาท ส่วน 3 เดือนแรกบริษัทมีรายได้แล้วที่ 430.04 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 57.28 ล้านบาท

 

นายสมพล กล่าวต่อว่า สำหรับสถานการณ์ที่อินเดีย แม้ปัจจุบันยังไม่สามารถส่งมอบสินค้าได้ตามปกติ แต่บริษัทได้รับข่าวดี เรื่องการรับออเดอร์ใหม่ โดยบริษัทได้งานใหม่เพิ่มจำนวน 600-700 ล้านรูปี หรือคิดเป็นเงินไทยราว 200-300 ล้านบาท และหากอินเดียสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ บริษัทคาดวอลุ่มออเดอร์และการส่งมอบสินค้าที่อินเดียจะกลับมาพลิกฟื้น และส่งผลต่อผลประกอบการให้กับ FPI อย่างมีนัยสำคัญ

 

รุกขยายธุรกิจใหม่

 

นายสมพล กล่าวก่อนหน้านี้ว่า บริษัทมีแผนจะรุกขยายธุรกิจใหม่ 2 ธุรกิจ ได้แก่ ธุรกิจประเภท ดีไซน์รถยนต์ หรือการเปลี่ยนรูปลักษณ์ของรถยนต์ โดยใช้เทคโนโลยี 3D Printing ซึ่งกำลังได้รับความนิยมสูงโดยเฉพาะตลาดรถหรู โดยบริษัทมีแผนจะเจาะลูกค้าระดับบน เพราะหลังจากทดลองผลิตไปแล้วได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี

 

รวมทั้งมีแผนจะรุกธุรกิจให้คำปรึกษาในการด้านพลังงาน และนวัตกรรม เพื่อสร้างความยั่งยืน สามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตให้กับลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมต่างๆ อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจใหม่จะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นในอนาคตได้เป็นอย่างดี

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง