รีเซต

BJCรายได้ปี65โตกว่า10% ลดงบลงทุนชะลอเปิดสาขา

BJCรายได้ปี65โตกว่า10% ลดงบลงทุนชะลอเปิดสาขา
ทันหุ้น
24 พฤษภาคม 2565 ( 12:52 )
210

#BJC# ทันหุ้น- BJC หั่นงบลงทุนปี 65 เหลือ 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท หลังลดจำนวนสาขาใหม่-เลื่อนเปิดสาขาในต่างประเทศ พร้อมย้ำเป้าปี 2565 รายได้โตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่ราว 1.5 แสนล้านบาท รับยอดขายสาขาเดิมพุ่ง-ฐานลูกค้าโตรับเปิดสาขาใหม่

 

นายรามี ปีไรแนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า บริษัทได้มีการปรับลดเงินลงทุนปี 2565 เหลือราว 1.0-1.1 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่วางไว้ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท หลังธุรกิจได้มีการปรับลดจำนวนการเปิดสาขาใหม่ในประเทศและเลื่อนการเปิดสาขาในต่างประเทศบางส่วน

อาทิ ประเทศลาว ออกไปเป็นปี 2566 โดยปีนี้จะมีการเปิดสาขาBig C รูปแบบ Hyper Market อยู่ที่ 1-2 สาขา (เดิม2-3 สาขา) และ Big C mini อีกจำนวน 100 สาขา (เดิม 150-300 สาขา) และสาขาในส่วนอื่นๆ ควบคู่ไปกับการขยายธุรกิจบรรจุภัณฑ์และอื่นๆ ให้ดียิ่งขึ้น ซึ่งงบลงทุนส่วนนี้แบ่งเป็น ธุรกิจค้าปลีกของ Big C อยู่ที่ราว 62% ธุรกิจบรรจุภัณฑ์ 21% และที่เหลือเป็นในส่วนอื่นๆ

 

ปีนี้รายได้โตขั้นต่ำ10%

ขณะที่ผลประกอบกาปี 2565 บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโตเป็นตัวเลข 2หลัก หรือไม่ต่ำกว่า 10% เมื่อเทียบกับปี 2564 ราว 1.5 แสนล้านบาท เนื่องจากแนวโน้มยอดขายในส่วนของธุรกิจค้าปลีกกลับมาฟื้นตัว โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับบริษัทมีการเปิดสาขาใหม่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ฐานลูกค้าขยายตัว นอกเหนือจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ และอื่นๆ ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกต่อหุ้น BJC เนื่องจากทางผู้บริหารมองว่ายอดขายของบิ๊กซี และธุรกิจบรรจุภัณฑ์มีโมเมนตัมเติบโตดีจากการเปิดประเทศ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และการใช้ชีวิตแบบ new normal

 

โดยฝ่ายวิเคราะห์ยอดขายบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วและกระป๋องอลูมิเนียมมีทิศทางการเติบโตเชิงบวก เนื่องจากกระแสบรรจุภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนกำลังมาแรง และได้ประโยชน์จากการที่ลูกค้ามีการเปิดตัวสินค้าใหม่ เช่น Functional drink เครื่องดื่มผสมกัญชา และโซจู ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคแบบ New normal หันมาซื้อสินค้าที่มีขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ความต้องการบรรจุภัณฑ์ขนาดใหม่มาแทนที่บรรจุภัณฑ์เดิม รวมทั้งมีการตั้งราคาขายและปรับขึ้นตามต้นทุน (Cost plus) เพื่อสะท้อนต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น นอกจากนั้น ปริมาณขายบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นทำให้ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นจากการที่ต้นทุนต่อหน่วยลดลง

 

ขณะที่แนวโน้มยอดขายของบิ๊กซียังถือว่าแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในส่วนของยอดขายสาขาเดิมที่ดีขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์มองว่ายอดขายสาขาเดิมของบิ๊กซีเพิ่มขึ้นสู่ระดับเกิน 10% จากเทศกาลสงกรานต์ และยอดขายสินค้าเกี่ยวกับการเปิดเทอม อีกทั้งการปรับปรุงสาขาส่งผลให้ยอดขายอาหารสดเติบโตได้ดี อีกทั้งทางบิ๊กซีมีการปรับเปลี่ยนสินค้าโดยเน้นสินค้าที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น และเปิดตัวสินค้ากลุ่มเสื้อผ้าแบบใหม่ซึ่งได้รับการตอบรับดี ซึ่งช่วยลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนสินค้าเฮาส์แบรนด์ขึ้นเป็นประมาณ 15-16% ในปี 2565 จาก 11% ในปี 2564

 

แกร่งอนาคต 42 บ.

ส่วนงบการเงิน BJC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 1/2565 เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เป็น 1.25 พันล้านบาท สูงกว่าที่เราประมาณการไว้ 9%จากยอดขายที่สูงกว่าคาด และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น เนื่องจากการฟื้นตัวของธุรกิจบรรจุภัณฑ์ในเวียดนาม แม้ว่าต้นทุนด้านพลังงานและวัตถุดิบจะสูงขึ้น กำไรขั้นต้นก็ยังเพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากยอดขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจทั้งสี่กลุ่มธุรกิจ หลังจากเปิดเมือง ส่วนยอดขายบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ส่งผลให้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 คิดเป็น 23% ของประมาณการปี 2565 ของฝ่ายวิเคราะห์ จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน รวมทั้งให้คำแนะนำ "ซื้อ" หุ้น BJC ให้ราคาเป้าหมาย 42.00 บาท

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง