BJCยอดโตโดดเร่งลงทุน เปลี่ยนรถขนส่งอีวี
#BJC #ทันหุ้น – BJC ลั่นปีนี้ยอดขายโตโดดขึ้นเลข สองหลัก เชื่อกำลังซื้อฟื้นตามเศรษฐกิจ ติดตามใกล้ชิดราคาพลังงาน พร้อมปรับกลยุทธ์ลงทุนรองรับ เปลี่ยนรถขนส่งมาเป็นยานยนต์ไฟฟ้าทั้งเครือ BJC ขณะที่ BigC ปรับพื้นที่ติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้า กำงบ 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท เดินหน้าขยายสาขา BigC ทั้งในไทย และรุกเข้าสู่ CLMV, ร้านยาเพียว, และ "สิริฟาร์มา"
นายอัศวิน เตชะเจริญวิกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC คาดการณ์ว่ายอดขายรวมทั้งปี 2565 จะเติบโตได้เป็นตัวเลข สองหลัก บนสมมติฐานว่ารัฐบาลจะไม่นำมาตรการล็อกดาวน์กลับมาบังคับใช้ ซึ่งจะส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศยังคงสามารถทำได้ปกติ ประชาชนสามารถประกอบอาชีพและมีรายได้เข้ามา ทำให้มีกำลังซื้อฟื้นขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อการจับจ่ายใช้สอยที่ฟื้นตัว และส่งผลบวกต่อการฟื้นตัวให้กับยอดขายของบริษัท
พร้อมกันนี้ บริษัทตั้งงบประมาณการลงทุนระหว่าง 1.4–1.5 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นในกลุ่มธุรกิจค้าปลีก จะเปิดสาขา Big C รูปแบบ Hyper Market แบ่งเป็นในประเทศ 1-2 สาขา, สปป.ลาว 1 สาขา และกัมพูชา 1 สาขา, Big C Food Place ขยายเพิ่มอีก 5 สาขา, และ Big C mini จะเปิดสาขาใหม่ในไทย 150-300 สาขา, กัมพูชา 50 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นปี 2565จะมีสาขาของ Big C ทั้งสิ้น 1,713 สาขา จากปี 2564 ที่ 1,572 สาขา
สำหรับกลุ่มธุรกิจยา และเวชภัณฑ์ทางการแพทย์ มีแผนขยายสาขาร้านยา Pure ประมาณ 7 สาขา, และ ร้านยาประเภทค้าปลีก-ค้าส่ง "สิริฟาร์มา" ทั้งสิ้น 2 สาขา จากปี 2564 ซึ่งเปิดทำเลพรานนก 1 สาขา
จับตาวิกฤติรัสเซีย-ยูเครน
สำหรับสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างยูเครน – รัสเซีย คาดว่าจะกระทบต้นทุน “พลังงาน” จึงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อนำมาปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ เบื้องต้นกลุ่มธุรกิจแก้ว จะมีการปรับปรุง “เชื้อเพลิง” ในการเผาแก้ว ขณะที่การผลิตทิชชู มีต้นทุนไฟฟ้า ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะปรับเปลี่ยนรถขนส่งสินค้าของบริษัทเป็นยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้สอดคล้องกับการประหยัดพลังงานในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม บริษัทยอมรับว่ามีความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มการปรับขึ้นของราคาสินค้าต่างๆ หลังราคาพลังงานและราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อและความมั่นใจของผู้บริโภค เนื่องจากเริ่มเห็นสัญญาณของการจับจ่ายใช้สอยที่ชะลอตัวลงในช่วงต้นเดือนมีนาคม จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกดดันต่อแนวโน้มของยอดขายในงวดไตรมาส 2/2565 ให้ชะลอตัวลง
@ ปรับขนส่งสู่รถไฟฟ้า
บริษัทวางงบลงทุนรวมทั้งปี 2565 ราว 1.4-1.5 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 70% จะใช้รองรับการขยายสาขาของ Big C เป็นหลัก พร้อมกับการลงทุนปรับพื้นที่จอดรถบางส่วนมารองรับสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า รวมถึงการทยอยปรับเปลี่ยนรถยนต์ที่ให้บริการขนส่งสินค้าของ Big C มาเป็นรถไฟฟ้า เป็นไปตามเทรนด์ของโลก และบริษัทเองก็คำนึงถึงด้านต้นทุนการขนส่ง ซึ่งรถยนต์ไฟฟ้าจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะเข้ามาช่วยบริษัทในการลดต้นทุนการขนส่งได้ค่อนข้างมาก
ขณะเดียวกันบริษัทมองว่าลูกค้าจะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น หลังจากราคาน้ำมันในปัจจุบันเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับสัญญาจำหน่ายขวดแก้วของบริษัทเป็นสัญญายืดหยุ่นที่สามารถส่งต่อต้นทุนพลังงานไปให้ลูกค้าได้ ทำให้ยังสามารถขายขวดแก้วได้ในระดับราคาที่สอดคล้องกับต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้นได้ และไม่กระทบต่อมาร์จิ้น