รีเซต

เปิด 7 กลุ่ม "ธุรกิจดาวรุ่ง" SME ไทย รับปี 2026 แนะเร่งใช้เทคโนโลยี เพิ่มขีดสามารถแข่งขัน เอาตัวรอดยั่งยืน

เปิด 7 กลุ่ม "ธุรกิจดาวรุ่ง" SME ไทย รับปี 2026 แนะเร่งใช้เทคโนโลยี เพิ่มขีดสามารถแข่งขัน เอาตัวรอดยั่งยืน
TNN ช่อง16
27 ธันวาคม 2568 ( 09:00 )
14

เปิด "ธุรกิจดาวรุ่ง" SME ไทย รับปี 2026 สสว.ชี้ต้อง “เร่งเปลี่ยนผ่านธุรกิจ” ด้วยเทคโนโลยี เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน เอาตัวรอดยั่งยืน


                    

สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผย SME กลุ่มธุรกิจดาวรุ่งและกลุ่มธุรกิจที่ต้องเฝ้าระวัง โดยวิเคราะห์จากการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ยและจัดกลุ่มจากลักษณะของกิจกรรมภายในอุตสาหกรรมเดียวกัน


"ธุรกิจดาวรุ่ง"


ธุรกิจดาวรุ่ง รวม 7 กลุ่ม ที่มีรายงานว่ามีกำไรขั้นต้นเฉลี่ยเติบโตเกินกว่า 100% ซึ่งเติบโตสูงจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป  ประกอบไปด้วย


1. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ เติบโตจากการขยายตัวของการค้าออนไลน์และการเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิตที่มีการใช้บริการการขนส่งสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 160,877 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย +500%)


 2. การออกแบบงานอาร์ตเวิร์ก รูปแบบการจัดวาง การออกแบบงาน สินค้า บริการ ก่อนการดำเนินการสื่อสาร หรือจัดทำจริงให้ตรงตามความต้องการ (มูลค่า GDP SME รวม 28,498 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 430 %)


 3. อาหารจากสัตว์น้ำ ธุรกิจภาคการผลิตหลักเพื่อบริโภคในประเทศและการส่งออก (มูลค่า GDP SME รวม 25,600 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 721 %)


 4. เฟอร์นิเจอร์โลหะ การปรับเปลี่ยนไปใช้สินค้าเพื่อความคงทน คุ้มค่ามากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 19,034 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 110 %)


5. วิดีโอเกมและซอฟต์แวร์ ก็เป็นกลุ่มดาวรุ่งเช่นกัน ซึ่งสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ ความบันเทิงและการใช้งานอย่างยั่งยืน (มูลค่า GDP SME รวม 11,015 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 191 %)

 

 6. เครื่องจักร อุปกรณ์ และเครื่องใช้ทางการเกษตร รองรับการปรับตัวสู่เกษตรกรรมยุคใหม่จากสังคมสูงวัย (มูลค่า GDP SME รวม 3,018 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 832 %)


 7. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลผู้สูงอายุ  จากการที่ไทยเข้าสู่สังคมสูงวัยเต็มรูปแบบ (มูลค่า GDP SME รวม 901 ล้านบาท, อัตราการเติบโตของกำไรขั้นต้นเฉลี่ย + 241 %)        

"ธุรกิจเฝ้าระวัง" 


ธุรกิจเเฝ้าระวัง ทั้งหมด 4 กลุ่ม  มีรายงานกำไรขั้นต้นหดตัวเฉลี่ยมากกว่า 50% เป็นกลุ่มธุรกิจซึ่งเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันสูงและการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี พประกอบไปด้วย


1. การขายเครื่องสำอาง เผชิญกับการแข่งขันสูงทั้งจากผู้ค้าและผู้ผลิต ซึ่งผู้บริโภคสามารถซื้อผ่านออนไลน์จากผู้ผลิต/ผู้ค้าโดยตรงจากต่างประเทศได้มากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 22,173 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -50%) 

 

2. การขายรถยนต์มือสอง ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนผ่านสู่ยานยนต์ไฟฟ้า และการปรับราคารถยนต์ใหม่ (มูลค่า GDP SME รวม 13,390 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -97%) 


3. ผลิตภัณฑ์ยาง เผชิญกับการแข่งขันสูงโดยเฉพาะสินค้านำเข้า (มูลค่า GDP SME รวม 10,454 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -76%) 


4. ที่พักอาศัยนักเรียน/นักศึกษา ได้รับผลกระทบจากรูปแบบการเรียนแบบ Hybrid และความต้องการที่พักที่ทันสมัยอิสระมากขึ้น (มูลค่า GDP SME รวม 1,014 ล้านบาท, อัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยหดตัว -165%)

นางสาวปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการ รักษาการผู้อำนวยการสสว. เปิดเผยว่าภาพรวมของ SME ในปัจจุบัน SME ยังคงเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ในปี 2567 มีผู้ประกอบการ SME จำนวน 3,255,957 ราย คิดเป็น 99.5% ของผู้ประกอบการทั้งหมด เพิ่มขึ้น  0.9% จากปีก่อน 


โดยธุรกิจรายย่อยเป็นธุรกิจที่มีจำนวนมากที่สุด คือมีสัดส่วนถึง 84% เพิ่มขึ้น 0.4% และเมื่อจำแนกตามสาขาธุรกิจแล้ว มี SME อยู่ในภาคการค้ามากที่สุด รองลงมาคือภาคบริการ และภาคการผลิต สำหรับการจ้างงานของ SME นั้นมีการจ้างงานสูงถึง 13.4 ล้านคน คิดเป็น 68.8% ของการจ้างงานรวมทั้งหมด โดยที่ภาคบริการมีการจ้างงานมากที่สุด คิดเป็น 44.8%

                    

สสว. ยังเปิดเผย SME GDP ใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 มีมูลค่า 4.8 ล้านล้านบาท คิดเป็น 34.8% ของ GDP ประเทศ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยภาคบริการมีส่วนสร้าง SME GDP ได้มากที่สุดอยู่ที่ 1.9 ล้านล้านบาท และ สสว. คาดการณ์ว่า SME GDP ปี 2568 จะขยายตัวได้ 2.5% และมีแนวโน้มจะขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.0 - 2.8% ในปี 2569 จากปัจจัยสนับสนุนด้านการส่งออก มาตรการกระตุ้นการใช้จ่าย รายได้จากภาคการท่องเที่ยว และเงินเฟ้อต่ำที่ยังช่วยประคองต้นทุนได้ ส่วนปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้แก่ ปัญหาหนี้ครัวเรือนในระดับสูง สินค้าทะลักจากต่างประเทศ และภัยธรรมชาติ

                    

สำหรับการค้าระหว่างประเทศของ SME ใน 10 เดือนแรกของปี 2568 พบว่า SME มีมูลค่าส่งออกอยู่ที่ 1,329,783 ล้านบาท คิดเป็น 14.3% ของมูลค่าส่งออกรวม สินค้าส่งออกสำคัญได้แก่ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ โดยตลาดส่งออกอันดับ 1 ของ SME คือสหรัฐอเมริกา ที่มีสัดส่วน 20.1% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของ SME สำหรับการนำเข้า พบว่า SME มีมูลค่านำเข้าอยู่ที่ 1,645,492 ล้านบาท คิดเป็น 17.2% ของมูลค่าการนำเข้ารวม สินค้านำเข้าสำคัญได้แก่ เครื่องจักร คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์ อุปกรณ์ไฟฟ้าและส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ โดยแหล่งนำเข้าสินค้าที่สำคัญของ SME คือ จีน ที่มีสัดส่วนถึง 46.4% ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดของ SME

             

ท่ามกลางสภาวะการแข่งขันทั้งภายในและภายนอก ส่งผลกระทบต่อความอยู่รอดของ SME คงหนีไม่พ้นที่จะต้องปรับกลยุทธ์ให้สามารถเพิ่มผลิตภาพการผลิตรวม (TFP) ให้สูงขึ้น ที่ผ่านมา TFP ของ SME มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง โดยในปี 2567 TFP ติดลบที่ 0.27 สะท้อนว่า SME ไทย ใช้ทรัพยากรทั้งในส่วนของทุนและแรงงานเท่าเดิมหรือมากขึ้น แต่ได้ผลผลิตน้อยลง ซึ่งเป็นผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา คำสั่งซื้อหดตัว และอุปสรรคในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยี ในขณะที่ธุรกิจที่มีการลงทุนหรือเคยลงทุนด้านเทคโนโลยียังสามารถเพิ่ม TFP ให้ธุรกิจได้ 


ดังนั้นเทคโนโลยีและดิจิทัลจึงเป็นหัวใจสำคัญในการยกระดับผลิตภาพการผลิตรวมของ SME โดยกลุ่มธุรกิจที่ยังรักษาค่า TFP เป็นบวกได้ คือกลุ่มที่ใช้ทักษะสูง และใช้เทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพสูงและทันสมัย อาทิเช่น กลุ่มผลิตภัณฑ์แร่อโลหะ ที่มี TFP +17.61% (ใช้เครื่องจักรประสิทธิภาพสูง) หรือกลุ่มที่มีการผลิตกระดาษ เป็นต้น ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้ลงทุนด้านเทคโนโลยีสูงแต่ใช้ประสบการณ์ในการทำงานและยังสามารถทำให้ TFP สูง ได้แก่ กลุ่มศิลปะและความบันเทิง ที่มี TFP +6.83% (เน้นประสบการณ์และทักษะแรงงาน) 


ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า โอกาสและการอยู่รอดของ SME ไม่ใช่แค่การหาเงินทุน แต่คือการรู้จักเลือกใช้เทคโนโลยีให้เหมาะสมเพื่อ "ยกระดับผลิตภาพการผลิต" ดังนั้นการนำเทคโนโลยี หรือดิจิทัลมาใช้ไม่ใช่ทางเลือก แต่เป็นทางรอด เพื่อพลิกฟื้นให้ธุรกิจสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน





                    

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง