เปิดมุมมอง 3 โบรกฯ ส่องกลยุทธ์ลงทุน พร้อมเสิร์ฟหุ้นเด่นวันนี้

#SET #ทันหุ้น - บล.ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) มองแนวโน้มตลาดวันนี้ คาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ในกรอบ 1,618-1,630 จุด แม้ปลายสัปดาห์ก่อนจะมีปัจจัยกดดันจากตัวเลขเงินเฟ้อ PPI สหรัฐฯ เดือน พ.ย. ที่สูงกว่าคาด แต่ตลาดยังคาดหวังและจับตาเงินเฟ้อ CPI สหรัฐฯ เดือน พ.ย. คืนนี้ว่าจะเห็นทิศทางชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าจะทำให้ FED ชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยเหลือ 0.50% ในการประชุมสัปดาห์นี้ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของปี ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นบางคาดช่วยหนุนกลุ่มพลังงานให้ฟื้นตัวหลังจากพักฐานแรงพอสมควรสัปดาห์ก่อน ขณะที่ฝั่งจีนมีปัจจัยบวกจากการทยอยผ่อนคลายมาตรการคุม COVID-19 อย่างค่อยเป็นค่อยไปต่อเนื่อง ช่วยให้เศรษฐกิจจีนทยอยฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า
ส่วนปัจจัยในประเทศโดยรวมยังไม่มีปัจจัยใหม่ ตลาดยังให้น้ำหนักบวกต่อการเร่งตัวของเศรษฐกิจในประเทศโดยเฉพาะการบริโภค และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดี ซึ่งยังมีแนวโน้มที่แข็งแกร่งกว่าภาคการส่งออกที่ยังมีความเสี่ยงชะลอจากเศรษฐกิจโลกที่อาจเกิด Recession ปีหน้า กลยุทธ์จึงยังเน้นลงทุนโดยเฉพาะกลุ่ม Domestic และ Consumption Play เป็นหลัก
กลยุทธ์ : เน้นลงทุนในกลุ่ม Domestic Play ตามเศรษฐกิจที่ทยอยเร่งตัว//ยังถือลงทุนต่อเนื่องหลังสะสมหุ้นเพิ่มไปแล้วช่วงปรับฐาน
หุ้นเด่นเดือนธ.ค. : BBL, BDMS, CRC, M, MAJOR
หุ้นเด่นวันนี้ : JR
• แนะนำ “เก็งกำไร” ราคาเป้าหมาย 7.60 บาท
• เราคาดมี Catalyst บวกรออยู่จากโอกาสรับงานต่อในโครงการเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดินแนวรถไฟฟ้าสายสีชมพู เฟส 2 หลัง STEC ประกาศได้งานสัปดาห์ก่อนมูลค่า 4.4 พันลบ. ซึ่งเป็นโครการต่อเนื่องจากเฟสแรกที่ JR ดำเนินการอยู่
• หากได้รับงานตามที่คาดจะหนุน Backlog ของ JR ให้ปรับตัวขึ้นจาก 3.4 พันลบ. ณ สิ้น 3Q22 เป็น 7.4 พันลบ. รองรับการเติบโตถึงปี 2026-2027 นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกรออยู่ต้นปีหน้าสำหรับงานเปลี่ยนสายไฟฟ้าอากาศเป็นใต้ดินแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเฟส 2 ในรูปแบบเดียวกัน จะช่วยหนุน Backlog ให้ทะลุ 1 หมื่นลบ.ในอนาคต
• แนวรับ 7.10-7 บาท แนวต้าน 7.50-7.65//7.80 บาท
**บล.อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด ประเมินดัชนี SET ทรงตัวในกรอบแนวรับ 1,610 – 1,615 แนวต้าน 1,630 ในช่วง Fund Flow ชะลอตัวและรอผลการประชุมเฟดค่ำวันพรุ่งนี้ แนะนำทยอยซื้อกลุ่มได้ประโยช์เปิดเมือง เช่น CPALL, BJC, BEM, DMT, MAJOR, VGI, PLANB, SAWAD, MTC,TIDLOR
RS* (ซื้อเก็งกำไร / ราคาเป้าหมาย IAA Consensus 16.70 บาท) งวด 3Q65 รายงานกำไรสุทธิ 82 ล้านบาท เติบโตสูง QoQ, YoY โดยรายได้เติบโตได้ดีทั้งธุรกิจ Media & Entertainment และธุรกิจ Commerce โดยธุรกิจคอมเมิร์ซมีรายได้เติบโต +20%QoQ ได้แรงสนับสนุนจากการรับรู้รายได้ของ ULife (ขายตรง) เต็มไตรมาส การขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้า Health and Wellness ในเครือ RS Mall รวมถึงการเติบโตของอาหารสัตว์เลี้ยงและผลิตภัณฑ์ดูแลสัตว์เลี้ยง Lifemate ที่อยู่ในกระแส ส่วนแนวโน้ม 4Q65 จะเห็นการเติบโตต่อเนื่องภายใต้โมเดลธุรกิจ Entertainmerce โดยธุรกิจ Event จะกลับมาจัดคอนเสิร์ต และกิจกรรมทางการตลาด ได้มากขึ้น ส่วนธุรกิจขายสินค้า ล่าสุดจัดตั้งบริษัท Pet All จับมือกับ Partner เพื่อลงทุนในธุรกิจ Pet Retail ส่งเสริมให้ Ecosystem ของธุรกิจสัตว์เลี้ยงขยายตัวกว้างขึ้น
BJC (ซื้อ / ราคาเป้าหมายปี66 42.00 บาท) เบื้องต้น ประเมินผลประกอบการ 4Q65 เป็นจุดสูงสุดของปี ฟื้นตัวแรง QoQ จากการเข้าสู่ฤดูกาลจับจ่ายใช้สอย และ จากการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งไตรมาส4 ก็เป็น high season ของการท่องเที่ยวในไทยอยู่แล้ว โดย Traffic การเดินทางที่สูงขึ้นจะเป็นบวกต่อกลุ่ม CVS; mini BigC รวมไปถึงการซื้อขนมขบเคี้ยว และ ของฝากใน BigC นอกจากนี้ธุรกิจค้าปลีกยังจะมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากงานฟุตบอลโลก และนโยบายการกระตุ้นการบริโภคของภาครัฐฯที่มีอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ ปัจจุบัน เราประมาณการกำไรสุทธิปี65 และ 66 อยู่ที่ระดับ 5,079 ลบ.(+41.69%YoY) และ 6,024 ลบ.(+18.59%YoY) ตามลำดับ
**บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) คาดกรอบดัชนีฯ สัปดาห์นี้ 1615-1640 จุด (สัปดาห์ที่ผ่านมา 1,623.13 จุด /-1.12%) Event สำคัญ คือ การประชุม FOMC นักลงทุนรอดูว่า Fed จะมีท่าทางต่อนโยบาย การเงินอย่างไร อีกทั้งเงินเฟ้อที่ออกมาต้นสัปดาห์จะพอเป็นตัวชี้ทิศทางตลาดได้
ราคาน้ำมันเป็นตัวถ่วงตลาด หลังจากถูกกดดันในเรื่องของ Demand และการกำหนดเพดาน ราคาของรัสเซีย หากราคาน้ำมันมีทิศทางร่วงลงต่อจะเป็นลบต่อหุ้นกลุ่มน้ำมัน
จีนถึงแม้จะดูดีขึ้นจากการผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติม แต่ยังถูกกลบไว้ด้วยความกังวลของเศรษฐกิจโลก รวมถึงตัวเลขภาพรวมของเศรษฐกิจออกมาไม่ค่อยดีนัก
ตลาดหุ้นไทย ถูกพยุงไว้กับเงินบาทที่แข็งค่า และหุ้นที่มีปัจจัยเฉพาะเป็นตัวช่วยหนุน รวมถึงเรื่อง การเมืองที่เริ่มคึกคัก มีการออกนโยบายหาเสียงมาให้ได้เห็น
Strategy
• เรายังแนะนำให้ นักลงทุนชะลอการลงทุน และไปดูแนวรับถัดไปแถวๆ 1610 จุด ตลาดจะอยู่ในโหมด นี้จนกว่าการประชุม FOMC+ECB จะผ่านไปในสัปดาห์นี้
• หุ้นน้ำมัน(PTTEP,PTT)โรงกลั่นน้ำมัน และปิโตรเคมี ยังถูกกดดันจากราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลง มาเร็วมาก การลงทุนหุ้นกลุ่มนี้ยังต้องระวัง.... สัญญาณบ่งชี้ว่าราคน้ำมัน(หุ้น) จะกลับตัวจะไปอยู่ ที่ OPEC จะลดกำลังการผลิตอีกหรือไม่ และมาตรการเศรษฐกิจของจีน (ถ้ามี)
• หุ้นราคาลงมาลึก มีโอกาสดีดตัวกลับ KBANK, PTT, BLA
• พอร์ตหุ้นวันนี้เรานำ AAV, DITTO, SINGER, CPF ออกจากพอร์ต และนำ KCE เข้ามาในพอร์ต พอร์ตหุ้นประกอบไปด้วย KCE(10%), THCOM*(10%), WHA(15%), III*(10%)
Strategy Stock Pick
KCE: (เป้าเชิงกลยุทธ์ 52.50 บาท) “Sentiment กลุ่มดีขึ้นต่อเนื่อง, จีนเร่งผ่อนคลายมาตรการ”
• แนะนำทยอยซื้อ KCE ประเมินราคาหุ้น bottom out รับกับ Sentiment กลุ่มที่ดีขึ้นชัดเจนหลังจีนเร่งผ่อนคลายมาตรการ และเตรียมเปิดประเทศในช่วง 1H23
• แนวโน้มกำไรปี ’23 และอาจดีกว่าคาดหากปัญหาด้าน Supply Chain ผ่อนคลาย ด้านกำไรที่บริษัททำได้ในงวด 9M22 1.8 พัน ลบ. +4.6%YoY ดีกว่าที่ตลาดคาดแม้ฐานกำไรปีก่อนจะสูง
• DAOL ประเมินกำไรสุทธิปี 2022-2023 ที่ 2.46 พัน ลบ. และ 2.69 พัน ลบ. +2%YoY, +9%YoY ตามลำดับ