รีเซต

GPSC ไตรมาส1/67 กำไรสุทธิ 864 ลบ.ลดลง แต่ดีกว่าโบรกคาด

GPSC ไตรมาส1/67 กำไรสุทธิ 864 ลบ.ลดลง แต่ดีกว่าโบรกคาด
ทันหุ้น
8 พฤษภาคม 2567 ( 18:53 )
26
GPSC ไตรมาส1/67 กำไรสุทธิ 864 ลบ.ลดลง แต่ดีกว่าโบรกคาด

#GPSC# ทันหุ้น -GPSC ไตรมาส1/67 กำไรสุทธิ 864 ลบ.ลดลง เหตุ มาร์จิ้นขายไฟโรงไฟฟ้าศรีราชาลง-ต้นทุนการเงินเพิ่ม แต่สูงกว่าโบรกคาดการณ์ไว้ 

 

 

นายทิติพงษ์ จุลพรศิริดี    ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน)หรือ GPSC เปิดเผยว่า ไตรมาส1ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 864.02 ล้านบาท ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1,117.66 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักมาจาก margin การขายไฟฟ้าจากการผลิตโดยใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลแทนก๊าซธรรมชาติของโรงไฟฟ้าศรีราชาลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งสอดคล้องกับแผนการเรียกรับไฟฟ้าของ กฟผ. 

 

ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงานในส่วนของโรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) เพิ่มขึ้น จาก margin จากการขายไฟฟ้าให้กับลูกค้าอุตสาหกรรมปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยค่า Ft ที่สามารถสะท้อนต้นทุนราคาพลังงานได้ดีขึ้นจากปีก่อน ประกอบกับปริมาณการขายไฟฟ้าให้แก่ลูกค้าอุตสาหกรรมที่เพิ่มขึ้น  อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้นตามการขยายการลงทุน และการ refinance เพื่อชำระคืนเงินกู้ที่ครบกำหนด

 

ทั้งนี้แม้กำไรสุทธิไตรมาส1/2567 จะปรับตัวลดลง แต่ถือว่าดีกว่าที่บริษัทหลักทรัพย์(บล.)ต่างๆคาดการณ์ไว้ อย่าง บล.เอเซียพลัส คาดกำไรไตรมาส1/2567ของGPSC ที่ 779 ล้านบาท บล.กรุงศรี คาด 802 ล้านบาท และบล.ฟิลลิปคาดที่ 848 ล้านบาท 

 

ทิศทางเศรษฐกิจของปี 2567

 

ภาพรวมเศรษฐกิจไทย: ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปี 2567 จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.6 ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวจากปีก่อนหน้า โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชน และภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น จากจำนวนนักท่องเที่ยวและการใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้น และคาดว่าค่าใช้งบประมาณของกาครัฐจะร่งตัวสูงในช่วงที่เหลือของปี 2567 ขณะที่คาดการณ์แนวโน้มการส่งออกจะทยอยฟื้นตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2567

 

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 0.6 ซึ่งปรับตัวลดลงอยู่ในระดับต่ำกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ตามการปรับลดลงของราคาอาหารสดบางกลุ่มเนื่องจากปริมาณผผลิตที่เข้าสู่ตลาดเป็นจำนวนมาก อีกทั้งจากราคากลุ่มพลังงานที่ได้รับการสนับสนุนจากมาตรการช่วยเหลือคำครองชีพของภาครัฐ ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะทยอยปรับเพิ่มขึ้นกลับเข้ากรอบเป้าหมายได้ภายในปลายปีนี้ 

 

โดยต้องติดตามปัญหาภูมิรัฐศาสตร์และมาตรการภาครัฐที่ส่งผลต่อราคาพลังงานสำหรับการดำเนินงานด้านนโยบายการเงินในปัจุบัน คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง. ได้มีมติอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 250 ต่อเนื่องจากระดับอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับการรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจและการเงิน รวมถึงเห็นว่านโยบายการเงินมีประสิทธิผลจำกัดในการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง โดยยังต้องติดตามความไม่แน่นอนของปัจจัยที่จะเข้ามากระทบเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า

 

 ทั้งนี้ คาดว่า กนง.จะทยอยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2 ครั่งในปีนี้ เพี่อยกระดับนโยบายการเงินให้หมาะสมกับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยที่เปลี่ยนไป และยังมีผลช่วยบรรเทาภาระหนี้สูง โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจและครัวเรือนเปราะบางที่อาจได้รับผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น รวมถึงช่วยเพิ่มปัจจัยบวกต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของไทยอีกทางหนึ่ง

 

อัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่า (t): เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ได้พิจารณาคงระดับอัตรา

ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (ค่ Ft) อยู่ที่ 0.3972 บาทต่อหน่วย สำหรับเรียกเก็บกับผู้ใช้ไฟฟ้าร้อบเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 โดยมีรายละเอียดการพิจารณของ กกพ. ดังนี้

 

1) สะท้อนประมาณการต้นทุนการผลิตและซื้อไฟฟ้า และคำช้จ่ายตามนโยบายของรัฐต้นทุนประจำงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 จำนวน0.1921 บาทต่อหน่วย จากราคาเซื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นตามราคาพลังงานในตลาดโลก

 

2)การชำระคืนการะต้นทุนคงค้างการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่ได้จัดหาเงินกู้ยืมมาเพื่อตรึงค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 -ธันวาคม 2566 โดยทยอยคืนหนี้ แบ่งเป็น 7 งวด และจ่ายคืนงวดละ 14,000 ล้านบาท หรือ 0.2051 บาทต่อหน่วย

เมื่อรวมค่า t ขายปลีกกับค่าไฟฟ้าฐานที่ 3.78 บาทต่อหน่วย ส่งผลให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยงวดเดือนพฤษภาคม - สิงหาคม 2567 อยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ซึ่งอยู่ในอัตราเดียวกับงวดก่อนหน้า

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง