โบรกส่องธุรกิจยา MEGA ปีนี้เปิดโปรดักส์ใหม่ 42 รายการ

#บล.ทิสโก้ #ทันหุ้น - 

· บล.ทิสโก้ มีมุมมองเป็นกลางจากการประชุมนักวิเคราะห์ของ MEGA เนื่องจากข้อความโดยรวมไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากไตรมาสก่อน คาดการณ์ว่าการเติบโตของรายได้ในปี 2024 น่าจะมาจากธุรกิจสินค้าแบรนด์เป็นหลัก (เติบโตในระดับ mid-single digit) โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ยา ในขณะที่รายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายน่าจะทรงตัว บล.ทิสโก้ประมาณการเติบโตของยอดขาย 4% ต่อปีสำหรับปี 2024-2025F

· บริษัทจะเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 42 รายการในปีนี้ (29 รายการเป็นผลิตภัณฑ์ยา และ 13 รายการเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร) อย่างไรก็ตาม รายได้หลักจากสินค้าแบรนด์ยังคงมาจาก 15 ผลิตภัณฑ์หลัก คิดเป็น 70% ของรายได้แบรนด์ เนื่องจากโดยปกติแล้วจะใช้เวลา 3 ปีกว่าผลิตภัณฑ์ใหม่จะเริ่มสร้างรายได้ 2-3%ของรายได้แบรนด์ ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ เชื่อว่าการที่ MEGA เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องจะช่วยสร้างการเติบโตรายได้จากธุรกิจสินค้าแบรนด์ในระยะยาว

· ยอดขายในอินโดนีเซียน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10ล้านดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ และมีเป้าหมายเพิ่มขึ้นเป็น 50ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 อย่างไรก็ตาม คาดว่าโรงงานจะทำกำไรได้เท่าทุนในปี 2025

· โดยรวมอัตรากำไรขั้นต้นน่าจะเพิ่มขึ้นจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสินค้าแบรนด์ที่มีอัตรากำไรสูงกว่า MEGA ยังคงตั้งเป้าทำกำไรเป็นสองเท่าของปี 2019 ภายในปี 2025 โดยเราประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นที่ 45.2% ในปี 2023 เพิ่มขึ้นเป็น 46% และ 46.8% ในปี 2024-2025F ตามลำดับ โดยมีสาเหตุหลักมาจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจสินค้าแบรนด์สูงขึ้น

· การขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนใน 1Q24 มาจากประเทศไนจีเรีย ซึ่งมีสัดส่วนรายได้รวมเพียงระดับ single digits อย่างไรก็ตาม downside จากระดับปัจจุบันไม่ควรมีมากนัก เนื่องจากค่าเงินไนราเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น และเพื่อลดผลกระทบ บริษัทจะปรับราคาสินค้าในไนจีเรียเพื่อรองรับภาวะค่าเงินลดค่าและเงินเฟ้อ

· การดำเนินงานในเมียนมายังคงทำกำไร แม้ว่ายอดขายสินค้าอุปโภคบริโภคจะลดลงมาก แต่ความต้องการสินค้ายาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ (ประมาณ 70%ของสินค้าที่จัดจำหน่ายในเมียนมา) ยังคงเติบโตในระดับ low single digits

· บล.ทิสโก้ยังคงประมาณการทางการเงินและมูลค่าที่เหมาะสมอยู่ที่ 57.00บาท โดยอิงจาก PER ประมาณการปี 2024 ที่ 18 เท่า (จากค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา) เรายังคงคำแนะนำ "ซื้อ" จากแนวโน้มธุรกิจระยะยาวที่ดี ซึ่งปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบ การชะลอตัวของเศรษฐกิจในตลาดสำคัญ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น

· คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ MEGA โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 57.00 บาท