รีเซต

แอสเนสตี้ฯชี้ เชลยศึกรัสเซีย-ยูเครน ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิตามอนุสัญญาเจนีวา

แอสเนสตี้ฯชี้ เชลยศึกรัสเซีย-ยูเครน ต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิตามอนุสัญญาเจนีวา
มติชน
10 มีนาคม 2565 ( 21:48 )
40

เมื่อวันที่ 10 มีนาคม แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ออกแถลงว่า เชลยศึกที่ถูกจับระหว่างการรุกรานของรัสเซียต่อยูเครนต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิตามอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ทั้งนี้ หลายวันที่ผ่านมาทางการยูเครนได้นำตัวเชลยศึกชาวรัสเซียมาแถลงข่าว เพื่อให้อธิบายถึงบทบาทของพวกเขาในการรุกรานทางทหาร และยังมีคลิปวิดีโอในโซเชียลมีเดีย แสดงภาพขณะที่ทหารที่ถูกจับกุมได้ติดต่อกับสมาชิกครอบครัวในรัสเซีย คลิปวิดีโอของทหารยูเครนที่ถูกจับก็ได้ปรากฏในโซเชียลมีเดียเช่นกัน แม้ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเกิดจากการสั่งการของรัฐหรือไม่

 

โจแอน มารีนเนอร์ ผู้อำนวยโครงการรับมือภาวะฉุกเฉิน แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุว่า ขณะที่ความขัดแย้งยังเกิดขึ้นต่อไป คู่ขัดแย้งทุกฝ่ายจำเป็นต้องเคารพสิทธิของเชลยศึกอย่างเต็มที่

 

“การปรากฏตัวต่อสาธารณะอาจทำให้เชลยศึกเกิดความเสี่ยง เมื่อพวกเขาเดินทางกลับไปยังบ้านเกิด และอาจทำให้เกิดปัญหากับครอบครัวของพวกเขา ระหว่างที่พวกเขายังคงถูกควบคุมตัวไว้

 

“ข้อ 13 ของอนุสัญญาเจนีวา ฉบับที่ 3 ระบุอย่างชัดเจนว่า เชลยศึกต้องได้รับการคุ้มครองในทุกขณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้รับความคุ้มครองต่อความอยากรู้อยากเห็นของสาธารณะ เป็นหน้าที่ของฝ่ายที่ควบคุมตัวที่จะต้องประกันให้มีการเคารพอย่างเหมาะสมต่อสิทธิของเชลยศึกเหล่านี้ ตั้งแต่ช่วงที่พวกเขาถูกจับกุม”

 

สำหรับข้อ 13 ของอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่ 3 ระบุว่า เชลยศึกต้องได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมในทุกขณะ ห้ามไม่ให้มีการปฏิบัติ หรือการละเว้นการปฏิบัติที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายของฝ่ายผู้ควบคุมตัว อันอาจเป็นเหตุให้เกิดการเสียชีวิต หรือเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของเชลยศึกระหว่างถูกควบคุมตัว และการปฏิบัติเช่นนั้นถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่ออนุสัญญานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะต้องไม่มีการตัดเฉือนวัยวะของเชลยศึก หรือนำตัวไปใช้ในการทดลองทางการแพทย์หรือวิทยาศาสตร์ไม่ว่าในประเภทใดๆ ซึ่งไม่ได้เป็นไปด้วยเหตุผลเกี่ยวกับการรักษาทางการแพทย์ ทันตกรรม หรือการรักษาในโรงพยาบาลต่อเชลยศึกคนนั้น และไม่ได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของเขา ในทำนองเดียวกัน เชลยศึกต้องได้รับการคุ้มครองในทุกขณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะได้รับความคุ้มครองจากการประทุษร้าย หรือต่อการขู่เข็ญและต่อการถูกเหยียดหยาม และความอยากรู้อยากเห็นของสาธารณะ

 

จากอรรถาธิบายของคณะกรรมการกาชาดสากลระบุว่า การกระทำใดๆ อันเป็นเหตุให้มีการเปิดเผยอัตลักษณ์ของเชลยศึกแต่ละคน โดยทั่วไปแล้วย่อมถือว่าเป็นการทำให้เขาตกเป็นเป้าของความอยากรู้อยากเห็นของสาธารณะ และเป็นภาพที่จะต้องไม่มีการเผยแพร่ ตีพิมพ์ หรือออกอากาศ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง