สทนช. เร่งระบายน้ำรับมรสุม ก.ย.นี้ เฝ้าระวังลุ่มน้ำโขง-ยม-เจ้าพระยา

จากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “วิภา” ที่ส่งผลกระทบต่อหลายลุ่มน้ำในภาคเหนือ โดยเฉพาะลุ่มน้ำน่านและลุ่มน้ำยม ล่าสุด ที่ประชุมคณะอนุกรรมการอำนวยการด้านบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 10/2568 มีมติเร่งระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ เพื่อเตรียมรับมือกับฝนระลอกใหม่ในเดือนกันยายนนี้
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช. เปิดเผยว่า ช่วงที่ผ่านมาเขื่อนสิริกิติ์ทำหน้าที่รองรับมวลน้ำจากลุ่มน้ำตอนบน โดยได้ลดการระบายน้ำเหลือ 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ส่งผลให้ระดับน้ำในเขื่อนสูงถึงร้อย 70ของความจุ และเหลือพื้นที่รับน้ำเพียง 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งหากเกิดมรสุมซ้ำเสี่ยงเอ่อล้นเขื่อน
ทั้งนี้ การระบายน้ำที่เพิ่มขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายเขื่อน ขณะเดียวกันจะมีการลดปริมาณระบายลงอีกครั้งในเดือนกันยายน เพื่อไม่ให้มวลน้ำไหลท่วมพื้นที่ภาคกลาง โดยจะประเมินควบคู่กับปริมาณน้ำในลุ่มน้ำอื่นที่จะไหลมารวมยังนครสวรรค์ด้วย
จากข้อมูลของกรมชลประทาน คาดว่าหลังการระบายน้ำจากเขื่อนสิริกิติ์ จะส่งผลให้ปริมาณน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเฉลี่ยอยู่ที่ 1,000–1,500 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งได้มีการแจ้งเตือนประชาชนไว้ล่วงหน้าแล้ว
ด้านพื้นที่ทุ่งบางระกำ ซึ่งเป็นพื้นที่รองรับน้ำชั่วคราว เพื่อช่วยชะลอมวลน้ำก่อนลงภาคกลาง ขณะนี้มีการเก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้วกว่า 90,000 ไร่ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 15 สิงหาคม และสามารถรองรับน้ำได้อีกกว่า 400 ล้านลูกบาศก์เมตร หากมีฝนตกหนักในเดือนกันยายน
ทั้งนี้ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาระบุว่า พื้นที่ภาคกลางจะมีปริมาณฝนเพิ่มขึ้นในเดือนกันยายน การระบายน้ำล่วงหน้าในช่วงนี้จึงเป็นผลดีในการป้องกันน้ำท่วมในเขตเศรษฐกิจสำคัญ
นอกจากนี้ ลุ่มน้ำโขงที่จังหวัดหนองคายก็เผชิญความเสี่ยงน้ำล้นตลิ่งราว 20 เซนติเมตร ทาง สทนช. ได้ตั้งศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ตั้งแต่ 14 กรกฎาคม ตามคำสั่งของรองนายกรัฐมนตรี พร้อมดำเนินมาตรการเชิงรุก ทั้งวางกระสอบทราย ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ และปิดทางน้ำย้อนกลับจากแม่น้ำโขง
สำหรับจังหวัดเชียงรายที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่อง ได้มีการขุดลอกลำน้ำและสร้างแนวกั้นน้ำชั่วคราว แต่ยังพบว่ามีจุดอ่อนที่มวลน้ำไหลทะลักเข้ามา อย่างไรก็ตาม กรมการทหารช่าง จากกองทัพบก ยังคงปฏิบัติงานในพื้นที่เพื่อระบายน้ำและเฝ้าระวังอุทกภัยต่อเนื่อง
เลขาธิการ สทนช. ย้ำว่า นี่เป็นแผนเร่งด่วนที่ควบคู่กับการวางระบบระยะยาว เช่น การรื้อถอนสิ่งกีดขวางทางน้ำ และการสร้างทางระบายน้ำหรือฟลัดเวย์ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการบริหารจัดการน้ำในอนาคต
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
