ผลการศึกษาพบขยะในมหาสมุทรแปซิฟิกส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมการประมง
ปัญหาขยะในมหาสมุทรกลายเป็นปัญหาสำคัญของโลกที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรและส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่กลับไปหามนุษย์ต้นเหตุของปัญหา ล่าสุด The Ocean Cleanup เปิดเผยรายงานชิ้นสำคัญหลังจากทดสอบระบบจัดเก็บขยะในมหาสมุทรแปซิฟิกพบว่าขยะในมหาสมุทรส่วนใหญ่มาจากอุตสาหกรรมการประมงคิดเป็น 75-86% ของขยะที่ถูกจัดเก็บทั้งหมด
บริเวณที่ทีมงานของ The Ocean Cleanup นำระบบจัดเก็บขยะไปทดสอบใช้งานมีชื่อเรียกว่า Great Pacific Garbage Patch (GPGP) ตั้งอยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิกเหนือครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 1.6 ล้านตารางกิโลเมตร ทีมงานได้จัดเก็บขยะเศษพลาสติกได้น้ำหนักรวมกัน 1.8 ล้านล้านชิ้น มีน้ำหนักรวมประมาณ 88,000 ตัน
ทีมงานได้ทำการคัดแยกขยะเศษพลาสติกจำนวน 6,000 ชิ้น ที่มีขนาดมากกว่า 5 เซนติเมตร ขึ้นไปมาทำการนับจำนวนและตรวจสอบข้อมูล โดยขยะทั้งหมดถูกรวบรวมในช่วงปี 2019 ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ทีมงานยังค้นพบว่าขยะเศษพลาสติกที่มีแหล่งกำเนิดจากอุตสาหกรรมการประมงมีโอกาสลอยไปสะสมนอกชายฝั่งมากกว่าขยะเศษพลาสติกที่มีแหล่งกำเนิดจากแม่น้ำ ทีมงานได้ทำการขัดแยกขยะตามภาษาที่ระบุเอาไว้บนชิ้นส่วนขยะเพื่อระบุแหล่งที่มาของขยะพบว่าขยะเศษพลาสติกในบริเวณ Great Pacific Garbage Patch (GPGP) อาจมาจากประเทศญี่ปุ่น 34% ประเทศจีน 32% คาบสมุทรเกาหลี 10% และประเทศสหรัฐอเมริกา 7%
สำหรับ The Ocean Cleanup เป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร ก่อตั้งโดยโบแยน สแลต (Boyan Slat) ชาวเนเธอร์แลนด์ ขณะที่เขาเริ่มต้นโครงการดังกล่าวมีอายุเพียง 18 ปี เท่านั้น บแยน สแลตนำเสนอโครงการเก็บขยะครั้งแรกในปี 2013 โดยใช้เรือขนาดใหญ่ลากตาข่ายเก็บขยะมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาเทคโนโลยีจัดเก็บขยะพลาสติกในมหาสมุทรและแม่น้ำลำคลองโดยได้พัฒนาและปรับปรุงรูปแบบวิธีการเก็บขยะที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โครงการนี้ได้ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยวาเคอนิงเงิน (Wageningen University)
ที่มาของข้อมูล newatlas.com
ที่มาของรูปภาพ theoceancleanup.com