“ภูเขาไฟระเบิด” ภัยเงียบจากใต้พิภพ ระเบิดทีเดียวกระทบทั้งสิ่งแวดล้อม-เศรษฐกิจ

นักวิทยาศาสตร์ออกโรงเตือนทั่วโลกยังคงต้องจับตาและเตรียมรับมือกับปรากฏการณ์ ภูเขาไฟระเบิด ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ แม้จะไม่สามารถคาดการณ์ได้แน่ชัดว่าเหตุการณ์จะเกิดขึ้นเมื่อใด แต่ผลกระทบที่ตามมาอาจรุนแรงและหลากหลาย ทั้งต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สุขภาพ และสภาพอากาศของโลก
.
โดยทั่วไป การระเบิดของภูเขาไฟส่งผลกระทบในหลายด้าน ในระยะเริ่มต้น มักเกิด ลาวาไหล ซึ่งสามารถทำลายบ้านเรือน โครงสร้างพื้นฐาน และพื้นที่เกษตรกรรมอย่างรุนแรง หากเกิดในพื้นที่ใกล้ชายฝั่ง หรือใต้ทะเล อาจนำไปสู่การเกิด คลื่นสึนามิ ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ เถ้าถ่านและฝุ่นละอองจากการปะทุ ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ทำให้เกิดปัญหาระบบทางเดินหายใจ การเดินทางถูกขัดขวาง การท่องเที่ยวหยุดชะงัก และเศรษฐกิจท้องถิ่นได้รับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์ให้ความสนใจเป็นพิเศษคือ ผลกระทบต่อสภาพภูมิอากาศโลก โดยการระเบิดของภูเขาไฟมักปล่อยก๊าซ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO₂) ขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ หากการระเบิดรุนแรงจนก๊าซนี้ลอยไปถึงชั้นสตราโตสเฟียร์ จะเปลี่ยนรูปเป็นอนุภาคเล็ก ๆ ที่สามารถสะท้อนแสงอาทิตย์กลับสู่อวกาศ ทำให้อุณหภูมิของโลกเย็นลงชั่วคราว
.
ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ การระเบิดของ ภูเขาไฟทัมโบรา ในอินโดนีเซียเมื่อปี 1815 ซึ่งปล่อยซัลเฟอร์ไดออกไซด์ราว 100 ล้านตันขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ ส่งผลให้อุณหภูมิโลกลดลงราว 0.4–0.7 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะในซีกโลกเหนือ และทำให้ปีถัดมา (1816) กลายเป็น “ปีที่ไม่มีฤดูร้อน” เกิดภาวะผลผลิตการเกษตรตกต่ำ อาหารขาดแคลน และโรคระบาดตามมา
อย่างไรก็ตาม การระเบิดของภูเขาไฟก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว ในระยะยาว เถ้าถ่านจากภูเขาไฟสามารถ เพิ่มแร่ธาตุในดิน และช่วยฟื้นฟูพื้นที่เกษตรกรรมได้เช่นกัน นักวิทยาศาสตร์จึงเน้นย้ำว่า โลกยังคงมีความเสี่ยงต่อการระเบิดของภูเขาไฟในหลายพื้นที่ จำเป็นต้องมีระบบติดตาม การเตรียมความพร้อม และการแจ้งเตือนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อรับมือกับภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่ออย่างมีประสิทธิภาพและลดความสูญเสียให้น้อยที่สุด
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
