รักษาการ ผบ.เรือนจำแปดริ้ว แจงปัญหาโควิดระบาดภายใน ยันบริหารจัดการได้
รักษาการ ผบ.เรือนจำแปดริ้ว แจงปัญหาการระบาดของโรคโควิด 19 ภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ชี้เหตุควบคุมโรคยากเพราะเป็นเรือนจำแดนเดียว ยันบริหารจัดการจำแนกกลุ่มผู้ป่วยได้ดีแล้วไม่มีอาการหนักถึงขั้นวิกฤต พร้อมอำนวยความสะดวกต่อญาติในการให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริง ระบุไม่มีปิดบังข้อมูลพร้อมให้บริการสอบถามได้ผ่านทางโทรศัพท์
วันที่ 4 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.สมสกุล แอลเฟรด รักษาการ ผบ.เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ซึ่งได้รับคำสั่งให้มาปฏิบัติหน้าที่แทน นายกรีฑา แก้วเทศ อดีต ผบ.เรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ซึ่งถูกคำสั่งจากกระทรวงยุติธรรม ที่ 184/2564 ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ราชการประจำกรมราชทัณฑ์ ตั้งเมื่อวันที่ 1 มิ.ย.64 ที่ผ่านมานั้น ว่า ปัญหาการระบาดของเชื้อโควิด 19 ภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรานั้น
มีการตรวจค้นพบเชื้อเมื่อมีการระบาดจนทะลุแดนเข้าไปยังภายในแล้ว ไม่ใช่แต่เฉพาะภายในห้องกักตัวแรกรับ ฉะนั้นการแพร่ระบาดในเรือนจำที่เป็นแดนเดียวจึงมีโอกาสในการติดเชื้อระหว่างกันค่อนข้างมาก เนื่องจากไม่สามารถแบ่งแยกผู้ต้องขังให้เป็นสัดส่วนได้ชัดเจน ซึ่งผู้ต้องขังจะต้องอยู่รวมกัน รับประทานอาหารร่วมกัน จึงมีโอกาสในการติดเชื้อระหว่างกันได้สูงมาก
ขณะนี้จึงทำการจำแนกคัดกลุ่มผู้ที่ติดเชื้อแล้วทำการรักษาไปตามระดับของอาการ เพื่อไม่ให้มีการป่วยหนักหรือเสียชีวิต โดยมีทีมแพทย์จาก รพ.พุทธโสธร เข้ามาช่วยดูแลทำการรักษาอย่างใกล้ชิด และเมื่อได้รับเงินสนับสนุนมาจากทาง อบจ.ฉะเชิงเทรา จำนวน 1.3 ล้านบาทแล้ว รวมถึงสิ่งของที่มีผู้นำมาบริจาคให้จะทำให้ รพ.สนาม มีความพร้อมอย่างสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น จึงเชื่อว่าจะสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาจนบรรลุวัตถุประสงค์ได้เป็นอย่างดีต่อไป
โดยในขณะนี้ รพ.สนามภายในเรือนจำมีเพียงพอในการที่จะดูแลรักษาผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด 19 ได้ และสามารถที่จะควบคุมสถานการณ์การระบาดได้ โดยจะมีการจัดกลุ่มแบ่งแยกจำแนกผู้ติดเชื้อ ซึ่งมีทั้งกลุ่มสีเขียว คือ กลุ่มที่ติดเชื้อแล้วแต่ไม่มีอาการ ได้ทำการจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้แก่ผู้ป่วย ส่วนผู้ป่วยกลุ่มสีเหลืองซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดัน โรคอ้วน หรือโรคเกี่ยวกับเส้นเลือด หรือหากเอ็กซเรย์ปอดแล้วพบว่าติดเชื้อ หรือปอดเป็นฝ้าจะให้ยาฟาวิพิราเวียร์
และหากพบว่ามีอาการเหนื่อยง่าย หายใจไม่สะดวก จะนำพาไปทำการรักษายัง รพ.ด้านนอก เพื่อให้เกิดความคลี่คลายลง หากอาการดีขึ้นแล้วจึงจะนำกลับเข้ามา โดยจะไม่มีการปล่อยให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปจนถึงอาการป่วยในกลุ่มสีแดง โดยจะมีทางทีมแพทย์จาก รพ.พุทธโสธร เข้ามาดูแลให้อย่างดีและมั่นใจได้ ในขณะนี้จึงสามารถยืนยันได้ว่าภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรา ไม่มีผู้ต้องขังติดเชื้ออยู่ในกลุ่มอาการป่วยหนักหรือสีแดง
ส่วนกรณีที่มีญาติของผู้ต้องขัง เดินทางเข้ามาสอบถามถึงอาการ และมาติดตามดูว่าเป็นผู้ติดเชื้อโควิด 19 หรือไม่นั้น ทางญาติสามารถที่จะสอบถามข้อมูลได้ แต่ทางเราจะไม่ได้มีการติดประกาศรายชื่อของผู้ป่วยไว้ ซึ่งทาง รพ.สนาม จะมีรายชื่อไว้ให้ตรวจสอบได้ ว่าผู้ต้องขังรายใดเป็นผู้ป่วยอยู่หรือไม่ และหากป่วยอยู่ก็ยังสามารถจำแนกได้ด้วยว่าอยู่ในระดับใด เป็นกลุ่มสีเขียว หรือเหลือง โดยจะมีการแจ้งให้ทางญาติทราบโดยตรง
ขณะนี้ได้มีการประชาสัมพันธ์ไปให้แก่ทางญาติทราบแล้วว่า สามารถที่จะสอบถามข้อมูลเข้ามาได้โดยตรงทางโทรศัพท์ โดยที่จะไม่มีการปิดบังใดๆ ทั้งสิ้น โดยจะบอกความจริงต่อทางญาติทุกอย่าง และขอยืนยันว่า ผู้ติดเชื้อภายในเรือนจำกลางฉะเชิงเทรานั้น ไม่มีกลุ่มผู้ป่วยสีแดงจึงไม่น่าเป็นห่วงมากนัก