รีเซต

สธ. พบสายพันธุ์แอฟริกา ลามจังหวัดข้างเคียง ห่วงเชื้ออินเดียระบาดหลายจังหวัด

สธ. พบสายพันธุ์แอฟริกา ลามจังหวัดข้างเคียง ห่วงเชื้ออินเดียระบาดหลายจังหวัด
ข่าวสด
21 มิถุนายน 2564 ( 15:34 )
51
สธ. พบสายพันธุ์แอฟริกา ลามจังหวัดข้างเคียง ห่วงเชื้ออินเดียระบาดหลายจังหวัด

 

วันที่ 21 มิ.ย. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค การควบคุมโรคทางภาคใต้จะดำเนินการอย่างไร ยิ่งมีสายพันธุ์เบตา (แอฟริกาใต้) นพ.โอภาส กล่าวว่า มีการเข้มมาตรการป้องกัน แต่ก็จะเพิ่มมากขึ้น โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัด นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด ในฐานะคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดรับทราบนโยบาย และกำชับทางกระทรวงมหาดไทย และมีการติดต่อทางส่วนกลางอย่างเข้มงวด

 

 

ถามต่อว่ากรณีทางภาคใต้ที่เจอที่โรงเรียนแต่ไม่มีการสกัด จนนำเชื้อไปแพร่ต่อนั้น นพ.โอกาส กล่าวว่า รายละเอียดขอให้ทางจังหวัดเป็นผู้รายงาน ซี่งก็รายงานมาส่วนกลาง แต่เราก็ได้กำชับ เพราะประชาชนอาจเข้าใจผิดว่า เจอเคสแล้วให้ปิด ซึ่งเราบอกตลอดว่า การปิดไม่ใช่แก้ปัญหา แต่การแก้ปัญหาคือ อย่าให้เดินทางออกมา ซึ่งจะตรงกับมาตรการบับเบิ้ลแอนด์ซิล ส่วนสายพันธุ์เบลต้า หรือ แอฟริกาใต้ก็มีการกักตัวอย่างน้อย 21 วัน ส่วนจะ 1 เดือนหรือไม่ต้องให้คณะกรรมการวิชาการพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้มีการเฝ้าระวังสายพันธุ์ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ

 

 

 

 

นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า โรคโควิด 19 ในไทยตอนนี้ส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ส่วนสายพันธุ์อินเดียรองลงมา พบในแคมป์คนงานเพิ่มขึ้นทั้งแถวนนทบุรี ส่วนภาคใต้เป็นสายพันธุ์แอฟริกาใต้ ซึ่งจำนวนหนึ่งเจอนอกจังหวัดนราธิวาส โดยเป็นจังหวัดในภาคใต้ที่อยู่ใกล้เคียงกัน ส่วนตัวเลขอยู่ระหว่างการตรวจสอบ ไม่ได้ปกปิด สายพันธุ์แอฟริกาใต้ดื้อต่อวัคซีนพอสมควร แต่แพร่โรคไม่เร็วเท่าอังกฤษและอินเดีย

 

 

ดังนั้น ที่กังวลตอนนี้คือสายพันธุ์อินเดียที่พบติดเชื้อในหลายจังหวัดแล้ว ตามหลักการได้แจ้งพื้นที่ให้ควบคุมแล้ว หากคุมได้ก็จะหยุดเร็วใน 14 วัน ไม่แพร่เชื้อในวง 2 วง 3 แต่อย่างที่ทราบว่าปัจจัยที่จะควบคุมได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นกับเราคนเดียว ต้องเคร่งครัดมาตรการต่างๆ จึงรายงานต่อฝ่ายความมั่นคงให้เข้มงวดแล้ว กิจกรรมใดๆ หากให้งดทำแต่ยังทำอยู่ก็เป็นเรื่องยาก ที่จะลดการแพร่โรค รวมทั้งการลักลอบข้ามแดนผิดกฎหมาย อย่างเชื้อแอฟริกาใต้นั้นมีความชัดเจนว่ามาจากประเทศเพื่อนบ้าน

 

 

เมื่อถามถึงกรณีโรงงานหลายแห่งไปดีลกับแล็บตรวจโควิดเอกชน ซึ่งอาจจะไม่ได้มาตรฐาน ทำให้ต้องมีการตรวจหาเชื้อใหม่ นพ.ศุภกิจ กล่าวว่า มีโรงงานหลายแห่งอยากตรวจเชิงรุก ขอให้ติดต่อคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนั้นๆ ไม่อยากให้ทำโดยพลการ เพราะมีตัวอย่างหลายโรงงานไม่เข้าใจว่าวิธีตรวจ ตรวจด้วยอะไร แปลผลอะไร เช่น นำแรพิดแอนติเจนไปตรวจแล้วสรุปว่ามีคนติดจำนวนเท่านั้นเท่านี้ ซึ่งเป็นการตรวจเบื้องต้นเพื่อสุ่มเท่านั้น แต่จริงๆ ต้องมีการตรวจด้วยวิธีการที่เป็นมาตฐานคือ RT-PCR เพราะฉะนั้นการตรวจหาเชื้อขอให้ปรึกษากัน เพราะสุดท้ายพอตรวจเจอไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร แบบนี้ยิ่งทำให้เรื่องยุ่งไปอีก เพราะไม่ได้จบแค่การตรวจเท่านั้น

 

 

“ปัญหาหนึ่งเวลาเจอคลัสเตอร์โรงงาน หรือแคมป์ เมื่อเกิดขึ้นมีการจัดการไม่เป็นระบบ ทำให้แรงงานจำนวนหนึ่งหนีออกนอกพื้นที่ ซีลไม่จริง เดินทางกลับบ้านภูมิลำเนา ทำให้เกิดการกระจายโรคไปยังพื้นที่ต่างๆ ได้เยอะ นี่คือข้อสังเกตที่พบของการแพร่ระบาดในปัจจุบัน” นพ.ศุภกิจ กล่าวและว่า กรณีโรงเรียนประจำ จ.ยะลา ที่พบเชื้อโควิด จากการติดตามโรงเรียนนี้ พบเบื้องต้นมีทั้งสายพันธุ์แอฟริกาใต้และอังกฤษ กำลังอยู่ระหว่างติดตามหาต้นตอว่าติดมาจากที่ไหน และกำลังเร่งติดตามว่าเชื้อกระจายไปยังจังหวัดไหนบ้าง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง