ชาวบ้านสุดซ้ำ โดนหลอกช่วย เยียวยา 'โควิด' กลับกลายเป็นหนี้สรรพากร

ชาวบ้านรวมตัวร้องสื่อมวลชน หลังถูกคนคุ้นเคย อ้างว่าสำนักงานประกันสังคม จะให้เงินช่วยเหลือ เยียมยา โควิด-19 สุดท้ายโดนสรรพากทวงหนี้ คนละเกือบ 2 หมื่นบาท
เมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เกษริน นิลงาม น.ส.กรวิภา โต๊ะแอ น.ส.พรพรรณ เอมกมล นายไชยา ยอมิน นายธีรนันท์ ปานประทีป นายเทวิน นิลงาม และชาวบ้านรวม 19 คน ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ทำงานในสหกรณ์นิคมท่าแซะ โรงงานน้ำมันปาล์ม และบริษัทเอกชน
- อ่าน ทำไปได้! 2 หนุ่มขับกระบะ ติดตรากู้ภัยทางหลวง ขนยาบ้า 8 หมื่นเม็ด ถูกรวบคาด่าน
- อ่าน ผู้ปกครองสุดทน รวมตัวแจ้งความ ขับไล่ครูโหด ลงหวายเด็กกว่า 10 คน
- อ่าน มอบตัวแล้ว! วินจยย.กร่างชักมีดกรีดรถสาว ลั่นไม่ขอโทษ ถ้าเป็นผู้ชายจะแทงให้ตาย
ได้นำหลักฐานเอกสารหนังสือทวงหนี้จากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร และแชทข้อความจากมิจฉาชีพนำสำเนาบัตรประชาชนไปขอรับคืนเงินจากสำนักงานประกันสังคม เป็นค่าเยียวยาความเดือดร้อนจากปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 จนถูกสำนักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร ทวงหนี้คนละเกือบ 20,000 บาท เข้าร้องเรียนต่อสื่อมวลชน
https://youtu.be/78sShb-9MhA
จากการสอบถามทราบว่า เมื่อช่วงประมาณต้นปี 2563 มีบุคคลที่รู้จักน่าเชื่อถือในหมู่บ้านและทำงานอยู่ในสหกรณ์แห่งหนึ่งในอ.ท่าแซะ ได้มาชักชวนพวกตนโดยบอกว่าสำนักงานประกันสังคมจะให้ความช่วยเหลือเงินรายละ 5,000 บาท เพื่อเยี่ยวยาความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของไวรัส โควิด-19 โดยขอสำเนาบัตรประชาชนเพื่อนำไปขอรับเงินช่วยเหลือจากประกันสังคม โดยจะโอนเข้าบัญชีธนาคารให้คนละ 19,230 บาท
จากนั้นบุคคลดังกล่าวได้บอกกับทุกคนว่าเงินจำนวน 19,230 บาท ที่โอนเข้าบัญชีธนาคารนั้น ทางสำนักงานประกันสังคมโอนผิดให้เกินมาคนละ 14,000 บาท ขอให้โอนกลับไปที่บัญชีของบุคคลดังกล่าวเพื่อจะนำไปคืนให้กับสำนักงานประกันสังคม ซึ่งพวกตนก็เชื่อเพราะว่าเป็นบุคคลที่เรารู้จักกันดีจึงโอนคืนไป
ช่วงระหว่างเดือนม.ค. - ก.พ. 2564 ที่ผ่านมาพวกตนได้รับหนังสือแจ้งจากสำนักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร ให้นำเงินภาษีอากรประเภทเงินได้บุคคลธรรมดา ปีภาษี 2562 ซึ่งเป็นหนังสือแจ้งให้ส่งคืนเงินภาษีอากรที่สั่งคืนผิดพลาด โดยระบุใจความสำคัญบางส่วนว่า
"ตามหนังสือที่อ้างถึง ได้สั่งคืนเงินภาษีอากรให้ท่านเป็นเงิน 19,230 บาท และท่านได้รับเงินจำนวนดังกล่าวไว้แล้วนั้น ปรากฏว่าจำนวนเงินที่ท่านได้รับคืนไปนั้นผิดพลาดคลาดเคลื่อน จึงขอให้ท่านนำเงินจำนวนดังกล่าวไปส่งคืนสำนักงานสรรพากรพื้นที่ สาขาท่าแซะ ภายใน 30 วัน" และยังมีอีกหลายคนที่ทยอยได้รับหนังสือเช่นกัน
จากนั้นพวกตนทั้งหมดไปพบเจ้าหน้าที่สรรพพากรพื้นที่ชุมพร ตามหนังสือเชิญเพื่อไปให้ปากคำกรณีดังกล่าวและพวกตนยืนยันว่าพวกตนยังไม่เคยมีใครขอยื่นแบบแสดงการคืนภาษีเงินได้แต่อย่างใด น่าจะมีการใช้เอกสารและใบหักภาษีอันเป็นเท็จหรือปลอมแปลงเอกสารโดยที่พวกตนไม่รู้เรื่อง
เมื่อขอดูเอกสารหลักฐานการยื่นแสดงแบบขอคืนเงินภาษีรายได้บุคคลธรรมดาว่ามีการเซ็นชื่อและใช้เอกสารอย่างไรบ้าง เจ้าหน้าที่สรรพพากรพื้นที่ชุมพร ก็ไม่ยินยอมให้ดู แต่กลับเรียกทวงขอคืนเงินอย่างเดียวเพื่อให้เรื่องจบไป และขู่ว่าถ้าไม่ให้ก็จะถูกยึดทรัพย์ และฟ้องร้องดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา
ต่อมาพวกตนได้รับคำแนะนำจากทนายความอาสาให้ไปแจ้งความที่สภ.ท่าแซะ แต่พนักงานสอบสวน ไม่รับแจ้งความบอกว่าให้ไปเอาสำเนาต้นขั้วการยื่นแสดงแบบขอคืนภาษีจากสำนักงานสรรพากร แต่ทางเจ้าหน้าก็ไม่ให้อ้างว่าต้องให้ระดับเบื้องบนอนุญาต
และเมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2564 ที่ผ่านมาพวกตนทั้งหมดได้มอบอำนาจให้ทนายความอาสา ทำหนังสือถึงสำนักงานสรรพากรพื้นที่ชุมพร เพื่อขอแบบรายการขอคืนภาษีและเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปแจ้งความดำเนินคดี แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังเงียบเฉยจึงต้อมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชน