PIMOลุยผลิตมอเตอร์EV ออเดอร์ไตรมาส3ทะลัก
ทันหุ้น – PIMO ประกาศความพร้อมผลิตมอเตอร์รถ EV ชี้เทรนด์รถไฟฟ้าในอนาคตเติบโตสูง ลั่นมี knowhow และกระบวนการผลิตที่ดี เตรียมรองรับการขยายตัวเต็มที่ เร่งเดินหน้าพัฒนา และวิจัยต่อเนื่อง คาดชัดเจนปี 65 ด้านมอเตอร์ AC-BLDC ออเดอร์ล้นทะลัก ยอดสั่งพุ่งแตะแสนลูกต่อวัน คาดยอดขายรวมโต 20%
นายวสันต์ อิทธิโรจนกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนียร์ มอเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ PIMO ประกอบธุรกิจหลัก ได้แก่ ผลิตมอเตอร์ไฟฟ้าเครื่องปรับอากาศ (Air Conditioning Motor) มอเตอร์ที่ใช้ในอุตสาหกรรมทั่วไป (Induction Motor) เครื่องสูบน้ำ ปั๊มหอยโข่ง มอเตอร์สำหรับสระว่ายน้ำ มอเตอร์สำหรับปั๊มบ้าน (Submersible Pump,Pool Spa Pump and Home Pump) เปิดเผยว่า เทรนด์รถไฟฟ้า (EV) ในอนาคต คาดจะเติบโตสูงทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศที่มีรถยนต์ระดับไฮเอนด์ คาดเจ้าของแบรนด์จะขยายรุ่นรถยนต์ EV มากขึ้น เนื่องจากการแข่งขันอุตสาหกรรมยานยนต์สูง และคาดแบรนด์รถยนต์ชื่อดังต่างๆ จะออกรถยนต์ EV หลายรุ่น
พร้อมผลิตมอเตอร์
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีความพร้อมสำหรับผลิตมอเตอร์ EV ให้กับลูกค้าอยู่แล้ว เพราะมี know how และกระบวนการผลิต รวมถึงโรงงานต่างๆ หากมีงานต่างประเทศ บริษัทจะรับงานผลิตมอเตอร์ เพื่อรองรับการขยายตัวของรถยนต์ EV ส่วนการผลิตมอเตอร์ EV ในประเทศ ครึ่งปีหลัง 2564 บริษัทยังเดินหน้าพัฒนา และวิจัยสินค้าตามแผน คาดจะเห็นความชัดเจนในปี 2565 เป็นต้นไป
สำหรับการผลิตสินค้า บริษัทจะเน้นการจำหน่ายให้กับลูกค้าหลัก คือ บริษัท จีพี มอเตอร์ (ประเทศไทย) ผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ที่เป็นอันดับ 3 ในประเทศ อีกทั้งยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถจักรยานยนต์แบรนด์ GPX เบื้องต้นคาด GPX จะผลิตรถจักรยานยนต์ขั้นต่ำ 8-9 พันคันต่อปี หรือมากสุดอาจจะผลิตถึง 1.2 หมื่นคันต่อปี
ปัจจุบันมีลูกค้าสนใจเข้ามาเจรจา เพื่อให้บริษัทผลิตมอเตอร์รถจักรยานยนต์จำนวนมาก แต่บริษัทจะให้ความสำคัญกับ GPX ก่อน เนื่องจากเป็นลูกค้าหลักในตลาดมอเตอร์ EV
ออเดอร์ทะลัก
ด้านธุรกิจผลิตและจำหน่ายมอเตอร์ไตรมาส 3/2564 บริษัทมีคำสั่งซื้อ(ออเดอร์) เข้ามาจำนวนมาก โดยมอเตอร์ AC หรือมอเตอร์ปกติทั่วไปมีออเดอร์เพิ่มขึ้นเป็น 1 แสนลูกต่อวัน จากปกติ 7-8 หมื่นลูกต่อวัน ส่วนมอเตอร์ชนิดพิเศษ หรือ BLDC มีออเดอร์ที่ระดับ 100 ลูกต่อวัน โดยภาพรวมทิศทางออเดอร์มีเข้ามาต่อเนื่อง แต่บริษัทกังวลเรื่องแผนการผลิต เนื่องจากในประเทศยังพบผู้ป่วยโควิด-19 ทำให้บริษัทต้องปรับแผนการทำงานพนักงาน เพื่อรักษาระยะห่าง และความปลอดภัยในการทำงาน หากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ไม่ลดลง อาจส่งผลกดดันต่อฝ่ายผลิตสินค้า
สำหรับทิศทางยอดขายปี 2564 บริษัทคาดจะเติบโตประมาณ 20% ต่อจากปี 2563 จากออเดอร์ลูกค้าในประเทศและต่างประเทศ หากยังมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 คาดรายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 ที่ 20% แต่หากไม่มีโควิด-19คาดผลประกอบการมีโอกาสเติบโตแบบก้าวกระโดด อนึ่ง 3 เดือนแรกบริษัทมีรายไดที่ 224.79 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19.94 ล้านบาท