NUSAเพิ่มทุนPP1.3หมื่นล. แลกหุ้นWEHสัดส่วนถือ36%
NUSA เตรียมออกหุ้นเพิ่มทุนแก่บุคคลในวงจำกัด (PP)ในวงเงิน 13,000 ล้านบาท เข้าแลกการถือหุ้นใน WEH เพิ่มเป็น 36% พร้อมฟื้นธุรกิจ เดินหน้าลุยธุรกิจด้านสุขภาพที่เป็นศูนย์ Wellness ทั้งในและต่างประเทศ โฟกัสจีน
นายวิษณุ เทพเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด (PP)ในวงเงิน 13,000 ล้านบาท เพื่อเข้าไปแลกการถือหุ้นในบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH กับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ WEH ปัจจุบันต้องรออนุมัติจาก ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)
ถือหุ้นเพิ่มเป็น36%
ปัจจุบันบริษัทถือหุ้น WEH จำนวน 7.12% โดยมีแผนจะเข้าไปถือเพิ่มอีก 29% หากดีลการเพิ่มทุนสำเร็จ NUSA จะถือหุ้นใน WEH เพิ่มเป็น 36% จะทำให้สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรของ WEH ราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทพลิกกลับมามีกำไร และกลับมาจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้
ส่วนธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์ปัจจุบันมีที่ดิน (Land bank) รอการพัฒนาอยู่อีกจำนวนมากซึ่งบริษัทได้ซื้อที่ดินเข้ามานานแล้ว ซึ่งถูกบันทึกในงบการเงินที่มูลค่าค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับมูลค่าปัจจุบัน อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าได้ถือทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงกว่าในงบการเงินหลายพันล้านบาท ซึ่งทางบริษัทกำลังให้ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเข้าประเมินมูลค่าทางบัญชีใหม่ เชื่อว่าจะมีมูลค่าต่อหุ้นสูงกว่ามูลค่าปัจจุบันอย่างมาก
เข้าซื้อหุ้น PNCV
สำหรับกรณีการเข้าซื้อโรงแรมที่เยอรมนี ที่มีการเปลี่ยนจากการซื้อสินทรัพย์ที่เป็นโรงแรม เป็นการเข้าซื้อหุ้นในบริษัท พานาซี แฟร์วาลทุงส์ จึเอ็มบีเฮช จำกัด (PNCV) ถือหุ้นใน บริษัท บาดิชเชอร์ โฮเทลแฟร์วัลทุงส์ จีเอ็มบีเฮช จำกัด (BHV) (เป็นเจ้าของทรัพย์ตามสัญญาซื้อทรัพย์สินเดิม) เหตุที่บริษัทฯ ไม่รับเงินมัดจำคืนทันที เนื่องจาก ผู้ขายหุ้นใน PNCV คือบุคคลเดียวกับผู้ขายทรัพย์เดิม และปัจจุบันบริษัทได้รับการโอนกรรมสิทธิ์ในหุ้น PNCV (เจ้าของโรงแรม) มาเป็นของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
โดยหลังจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าขยายธุรกิจด้านสุขภาพที่เป็นศูนย์ Wellness ได้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ โดยเฉพาะในจีนที่เตรียมเข้าไปรุกตลาด Wellness ของพานาซี ใน 50 มณฑล ภายในไตรมาส 4/2566หลังจากที่บริษัทเริ่มเดินทางเข้าไปดูตลาดในประเทศจีนตั้งแต่เมษายน 2566 ที่ผ่านมาแล้ว โดยการลงทุนในพานาซี ได้ประเมินว่าจะให้ผลตอบแทนจากการลงทุนเฉลี่ย 7-10% ต่อปี ซึ่งยังไม่รวมมูลค่าที่เพิ่มขึ้นจากธุรกิจด้านสุขภาพที่เกี่ยวเนื่อง
ส่วนปัจจุบันนั้นบริษัทมีโรงพยาบาลและคลินิกในประเทศไทย รวม 4 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลพานาซี พระราม2, พานาซี เวลเนส สาขาเขาใหญ่ , พานาซี เมดิคอลเซ็นเตอร์ เอกมัย และ พานาซี เมดิคอล เซ็นเตอร์ และได้มีการลงทุนเพิ่มเติมในบริเวณโรงพยาบาลพานาซี พระราม 2 อีกกว่า 200 ล้านบาท เพื่อเปิดศูนย์ศัลยกรรมครบวงจร โดยคาดว่าจะเปิดดำเนินการได้ภายในไตรมาสที่ 3/2566 นี้ และจะเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของหน่วยธุรกิจทางการแพทย์ต่อไป
สำหรับกรณีที่บริษัท มอร์ มันนี่ เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด ขอขยายเวลาคืนเงินเพิ่มทุนและเงินมัดจำรวม 57.5 ล้านบาท ออกไปอีก 90 วัน หรือ (กลางเดือน สิงหาคม 2566) เนื่องจากทางมอร์ มันนี่ ให้เหตุผลว่าปิดบัญชีไม่ทัน และใช้ระยะเวลาในการตรวจสอบรายการค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการจัดคอนเสิร์ต Rolling Loud Thailand 2023 ยังไม่แล้วเสร็จ จึงขอขยายระยะเวลาออกไป ซึ่งในส่วนนี้บริษัทได้คิดดอกเบี้ยตามต้นทุนทางการขยายของบริษัทที่ราว 7-8 % และยังมีหุ้นที่ค้ำประกันอยู่ด้วย จึงเชื่อว่าจะส่งผลลบต่อบริษัท
นอกจากนี้บริษัทยังยืนยันความสามารถของกลุ่มบริษัทในการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง(เจ้าหนี้ค่างานก่อสร้างของบริษัท ณุศา เลเจนด์ สยาม จำกัด (ณุศา เลเจนด์)(รวม 1,723 ล้านบาท) โดย China International Economic and Trade Arbitration Commission มีคำชี้ขาดข้อพิพาทให้บริษัทชำระหนี้ของณุศา เลเจนด์) ซึ่ง ณุศา ถือหุ้น 50%
ทรัพย์สินมากกว่าหนี้
อย่างไรก็ดีบริษัทมีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจทั้ง 3 ด้านหลักตามที่ได้แจ้งแก่ผู้ถือหุ้นไว้ ปัจจุบันมีสถานะทางการเงินที่มั่นคง มีทรัพย์สินกว่า 15,589.75 ล้านบาท มีหนี้สินเพียง 6,302.30 ล้านบาท มูลค่าหุ้นทางบัญชี 0.78 บาทต่อหุ้น มีสัดส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) เพียง 0.68 เท่า ล่าสุดออกหุ้นกู้จำนวน 900.0 ล้านบาท มีนักลงทุนให้ความสนใจจองเกินจำนวนอย่างล้นหลาม