รีเซต

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุ มีคนเสียชีวิตกว่า 2 ล้านคน จากภัยพิบัติธรรมชาติ

องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุ มีคนเสียชีวิตกว่า 2 ล้านคน จากภัยพิบัติธรรมชาติ
TNN World
2 กันยายน 2564 ( 16:47 )
60
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุ มีคนเสียชีวิตกว่า 2 ล้านคน จากภัยพิบัติธรรมชาติ

Climate Change: องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุ มีคนเสียชีวิตกว่า 2 ล้านคนในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา จากภัยพิบัติธรรมชาติ โดยสภาพอากาศแปรปรวนสุดขีด เป็นผลจากปัญหาโลกร้อน สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล 3.64 ล้านล้านดอลลาร์ฯ โดยภัยแล้งเอธิโอเปียมีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก 300,000 คน 

 


องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกแห่งสหประชาชาติ หรือ WMO เปิดเผยผลการศึกษาล่าสุดเมื่อวานนี้ (1 กันยายน) ว่า ภัยธรรมชาติที่เกิดจากสภาพอากาศ เช่น น้ำท่วมและคลื่นร้อน เกิดมากขึ้น 5 เท่าตลอดช่วง 50 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากถูกซ้ำเติมด้วยปัญหาโลกร้อน หรือสภาพภูมิอากาศโลกเปลี่ยนแปลง ทำให้สภาพอากาศเกิดความแปรปรวนแบบสุดขั้ว 

 


ทำให้มีคนเสียชีวิตไปแล้วมากกว่า 2 ล้านคนในช่วง 50 ปีมานี้ สร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจมหาศาล 3.64 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

 


ภัยแล้งในเอธิโอเปียเมื่อปี 1983 คือภัยธรรมชาติที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโลก 300,000 คน ส่วนเฮอริเคน “คาทริน่า” ที่พัดถล่มสหรัฐฯ ในปี 2005 เป็นภัยธรรมชาติที่สร้างความเสียหายมากที่สุดในโลก 163,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และกว่า 91% ของผู้เสียชีวิต 2 ล้านคนดังกล่าว อยู่ในประเทศกำลังพัฒนา

 


ผลการศึกษาล่าสุดของ WMO เกิดจากการสำรวจตรวจสอบภัยพิบัติธรรมชาติจำนวน 11,000 เหตุการณ์ ที่เกิดขึ้นระหว่างปี 1979-2019 ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวนแบบสุดขั้ว มีแนวโน้มที่จะเกิดถี่ขึ้น เนื่องมาจากปัญหาโลกร้อน 

 


WMO ระบุด้วยว่า การรายงานข่าวภัยพิบัติ ที่มีคุณภาพมากขึ้นและรวดเร็วขึ้น ก็ทำให้การรายงานข่าวภัยพิบัติ เพิ่มมากขึ้นด้วย
ความเสียหายที่เกิดจากภัยพิบัติธรรมชาติ เพิ่มขึ้นจาก 175,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในทศวรรษ 1970 กระโดดขึ้นไปเป็น 1.38 ล้านล้านดอลลาร์ในทศวรรษ 2010 หลังจากเกิดพายุลูกใหญ่หลายลูกได้แก่ ฮาร์วีย์, มาเรีย และเออร์ม่า ถล่มสหรัฐฯ 

 


อย่างไรก็ตาม รายงานของ WMO ระบุด้วยว่า แม้ภัยพิบัติจะเกิดถี่ขึ้น แต่ยอดผู้เสียชีวิตกลับลดลง จากกว่า 50,000 คนในทศวรรษ 1970 เหลือ 18,000 คนในทศวรรษ 2010 แสดงว่า การวางแผนรับมือภัยพิบัติทำได้ดีขึ้น อย่างเช่นการจัดทำระบบเตือนภัยล่วงหน้า ช่วยป้องกันการสูญเสียชีวิตคนได้อย่างมาก

 


แต่มีเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น ของประเทศสมาชิก WMO ทั้งหมด 193 ประเทศ ที่มีระบบเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า ทำให้เกิด “ช่องว่างขนาดใหญ่” ในระบบการเตือนภัยพิบัติธรรมชาติล่วงหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปแอฟริกา ที่ยังขาดความแม่นยำในการเตือนภัยพิบัติล่วงหน้า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง