สัญญาณโลกเดือดแรง ก่อนการประชุม COP30 คาดปี 68 อาจร้อนสุดในประวัติการณ์

บราซิลเปิดฉากการประชุมสุดยอดผู้นำโลกว่าด้วยการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ (World Leaders Climate Action Summit) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (6 พ.ย.) นำโดย ประธานาธิบดีลูอิซ อินาซีโอ ลูลา ดา ซิลวา ผู้นำบราซิล ซึ่งกล่าวเปิดการประชุมอย่างเป็นทางการที่เมืองเบเลง รัฐพารา เพื่อปูทางก่อนการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 30 หรือ COP30 ที่จะจัดขึ้นใจกลางป่าฝนแอมะซอนในเดือนพฤศจิกายนนี้
การประชุมครั้งนี้มี ผู้นำและตัวแทนจากกว่า 100 ประเทศและองค์กรระหว่างประเทศ เข้าร่วม เพื่อกำหนดทิศทางทางการเมืองและแนวทางปฏิบัติร่วมกันในการเร่งรับมือกับวิกฤตสภาพภูมิอากาศโลก ก่อนเข้าสู่การเจรจา COP30 อย่างเป็นทางการในวันที่ 10 พฤศจิกายน
บรรดาผู้เข้าร่วมประกอบด้วยบุคคลสำคัญระดับโลก อาทิ เจ้าชายวิลเลียมและนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของสหราชอาณาจักร, อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป และ อันโตนีโอ คอสตา ประธานคณะมนตรียุโรป อย่างไรก็ตาม ผู้นำของ 4 ใน 5 ประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุดในโลก ได้แก่ จีน สหรัฐฯ อินเดีย และรัสเซีย ไม่ได้เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้
ประธานาธิบดีลูลา กล่าวในพิธีเปิดว่า “กลุ่มสุดโต่งบางกลุ่มสร้างข่าวเท็จเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง หลอกลวงคนรุ่นหลังให้ติดอยู่ในรูปแบบการพัฒนาที่ล้าสมัย ซึ่งยังคงสร้างความเหลื่อมล้ำทางสังคมและเศรษฐกิจ พร้อมทั้งทำลายสิ่งแวดล้อมต่อไป ขณะที่ช่วงเวลาแห่งโอกาสในการแก้ไขกำลังปิดตัวลงอย่างรวดเร็ว” เขายังระบุว่า ภาวะโลกร้อนคือผลลัพธ์ของ “พลวัตแห่งความเหลื่อมล้ำ” ที่ดำเนินต่อเนื่องมาตลอดหลายศตวรรษ ซึ่งแบ่งแยกโลกออกเป็นประเทศร่ำรวยกับประเทศยากจน และประเทศพัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา
“วันนี้ อนุสัญญาว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้หวนกลับมาสู่ประเทศที่เป็นต้นกำเนิดของมัน สายตาทั่วโลกกำลังจับจ้องมาที่เมืองเบเลงด้วยความคาดหวังอันยิ่งใหญ่ เพราะนี่จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่การประชุมสุดยอดด้านภูมิอากาศ (COP) จะจัดขึ้นใจกลางป่าแอมะซอน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งการต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อมของมนุษยชาติ”
ในการประชุมเดียวกัน องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) ได้เผยแพร่รายงาน State of the Global Climate Update ซึ่งระบุว่า ปี 2568 มีแนวโน้มสูงมากที่จะติดอันดับ “ปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์” รองจากปี 2567 ที่ทำสถิติร้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกไว้
ด้าน “โค บาร์เร็ตต์” รองเลขาธิการ WMO กล่าวว่า “ข้อมูลมีความชัดเจนมากว่า ปี 2568 มีโอกาสสูงที่จะเป็นปีที่ร้อนที่สุดเป็นประวัติการณ์ อุณหภูมิแต่ละเสี้ยวองศามีความสำคัญต่อชุมชนที่เผชิญกับน้ำท่วม ภัยแล้ง และความร้อนจัดทั่วโลก” รายงานยังชี้ว่า ความเข้มข้นของก๊าซเรือนกระจกและความร้อนในมหาสมุทรต่างพุ่งสูงถึงระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์ในปี 2567 และยังคงเพิ่มขึ้นในปี 2568 ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโลกยังอยู่ในทิศทางที่ผิดพลาดต่อการบรรลุเป้าหมายจำกัดภาวะโลกร้อนตามข้อตกลงปารีส
ด้าน “อันโตนิโอ กูเตอร์เรส” เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวประณามผู้นำประเทศต่าง ๆ ที่ยังล้มเหลวในการจำกัดภาวะโลกร้อนไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส พร้อมเตือนว่าโลกกำลังเสี่ยง “ก้าวข้ามเส้นแดงแห่งหายนะทางภูมิอากาศ” นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า โลกอาจก้าวข้ามเกณฑ์อุณหภูมิเฉลี่ยดังกล่าวภายในปี 2573 ซึ่งจะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศที่รุนแรง ยากต่อการย้อนกลับ และส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ เศรษฐกิจ และความมั่นคงทางอาหารทั่วโลก
การประชุมสุดยอดครั้งนี้ถือเป็นเวทีสำคัญก่อนการเจรจา COP30 ณ เมืองเบเลง ประเทศบราซิล ซึ่งตั้งอยู่ในเขตป่าฝนแอมะซอน พื้นที่ที่ถูกมองว่าเป็น “ปอดของโลก” และสัญลักษณ์แห่งความหวังในการต่อสู้กับวิกฤตโลกร้อนของมนุษยชาติ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
