เฮติ กับอนาคตที่ไม่แน่นอน เมื่อปธน. ถูกสังหารคาบ้าน แต่ผู้สืบทอดทางกฎหมาน เสียชีวิตจากโควิดไปแล้ว
ข่าววันนี้ เกิดเหตมือปืนบุกยิงประธานาธิบดีเฮติคาบ้านพักส่วนตัวอย่างอุกอาจ ล่าสุด กองกำลังความมั่นคงวิสามัญมือปืนที่ก่อเหตุลอบยิงประธานาธิบดีเฮติไปแล้ว 4 คน และควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน ขณะที่อนาคตผู้จะสืบทอดอำนาจยังไม่แน่นอน เพราะผู้ที่ถูกวางตัวไว้ก็เพิ่งจะเสียชีวิตจากโควิด-19
อนาคตของเฮติจะเป็นอย่างไรต่อไป?
แรงจูงใจสังหาร ปธน. ยังไม่แน่ชัด
นับว่าเป็นเหตุการณ์อุกอาจและช็อกโลก เมื่อประธานาธิบดีเฮติ โจเวแนล โมอิส ถูกกลุ่มมือปืนบุกเข้าไปยิงที่บ้านพักส่วนตัวตอนตีหนึ่งตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับเที่ยงวันตามเวลาในประเทศไทยเมื่อวานนี้ (7 กรกฎาคม) ทำให้ผู้นำเฮติเสียชีวิต ขณะที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส และถูกส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลในเมืองไมอามี สหรัฐอเมริกา
ลีออน ชาร์ลส์ ผู้บัญชาการตำรวจเฮติแถลงว่า กองกำลังความมั่นคงของเฮติได้วิสามัญกลุ่มมือปืนรับจ้าง 4 คน ที่อยู่เบื้องหลังการลอบสังหารประธานาธิบดีโฌเวแนล โมอิส ที่บ้านพักส่วนตัวที่กรุงปอร์โตแปงซ์ และควบคุมตัวไว้ได้ 2 คน
ตำรวจเฮติไม่ได้ระบุตัวตนของผู้ต้องสงสัย หรือแรงจูงใจในการก่อเหตุ ที่บ้านพักส่วนตัวของประธานาธิบดีโมอิส พบปลอกกระสุนปืนตกอยู่บนท้องถนนนอกบ้าน กำแพงบ้านมีรูกระสุน รถยนต์คันหนึ่งที่จอดอยู่ใกล้ ๆ มีรอยกระสุนโดยรอบ
มือลอบสังหารชาวต่างชาติ?
ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีโคล้ด โจเซฟ ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า ประธานาธิบดีโมอิส วัย 53 ปีถูกสังหาร เป็นฝีมือของกลุ่มติดอาวุธหนักที่ได้รับการฝึกฝนระดับสูง และระบุว่า นางมาร์ติน โมอิส สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ปลอดภัยดีและมีอาการทรงตัว
นายโจเซฟไม่ได้ระบุว่า คนร้ายเป็นใคร บอกเพียงเป็นชาวต่างชาติที่พูดภาษาอังกฤษและสเปน แต่สื่อสหรัฐฯ อย่าง Miami Herald เผยแพร่คลิปวิดีโอซึ่งพวกเขาอ้างว่าถ่ายในที่เกิดเหตุ มีเสียงของหนึ่งในมือปืน ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงอเมริกัน อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐฯ หรือ DEA
นายกรัฐมนตรีเฮติยังได้ประกาศ “สถานการณ์ปิดล้อม” (state of siege) ซึ่งเป็นขั้นที่ 2 จาก 3 ระดับ ในระบบภาวะฉุกเฉินของเฮติ หมายถึงให้ปิดพรมแดนทั้งหมด รวมทั้งประกาศใช้กฎอัยการศึกชั่วคราว มอบอำนาจให้ทหารและตำรวจแห่งชาติ บังคับใช้กฎหมายได้
ปฏิกิริยาหลังปธน.เฮติถูกลอบสังหาร
นายบอคคิต เอ็ดมอนด์ เอกอัครราชทูตเฮติประจำสหรัฐฯ บอกว่า เขาได้ดูคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว และเชื่อว่า คนกลุ่มนี้แสร้งทำตัวเป็นเจ้าหน้าที่ DEA แต่ที่จริงแล้ว พวกเขาเป็นทหารรับจ้าง เป็น “นักฆ่าที่ได้รับการฝึกมาอย่างดี” และเชื่อว่าแรงจูงใจการก่อเหตุมาจากเรื่องการเมือง
เอ็ดมอนด์เรียกร้องให้สหรัฐฯ ให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคง เพื่อช่วยเสริมกำลังตำรวจแห่งชาติ รวมทั้งการฝึกอบรมและอุปกรณ์ต่าง ๆ
เจ้าหน้าที่ของสหรัฐฯ บอกเขาว่าพวกเขาจะประเมินคำขอ แต่เขาปฏิเสธที่จะระบุชื่อเจ้าหน้าที่คนดังกล่าว บอกแค่ว่าเขาได้ติดต่อกับทำเนียบขาวและกระทรวงการต่างประเทศแล้ว
ขณะที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ ออกมายืนยันเช่นกันว่า คนกลุ่มนี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ DEA
ประธานาธิบดีโจ ไบเดนผู้นำสหรัฐฯ ประณามการก่อเหตุครั้งนี้ พร้อมกับแสดงความเสียใจ และอวยพรให้สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเฮติหายจากอากาบาดเจ็บ และระบุว่า สหรัฐฯ พร้อมให้ความช่วยเหลือและจะยังทำงานเพื่อให้เฮติปลอดภัยและมั่นคงต่อไป แต่ย้ำว่ายังต้องการข้อมูลเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอีกมาก
ย้อนเหตุการณ์ก่อนลอบสังหารปธน.
เฮติ หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐเฮติ เป็นประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศแคริบเบียน ซึ่งอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ
นายโฌเวแนล โมอิสก้าวขึ้นสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีเฮติในปี 2017 หลังจากนั้นเขาเผชิญเสียงเรียกร้องให้ลาออกและมีการประท้วงใหญ่หลายครั้ง ด้วยข้อกล่าวหาว่าเขาคอรัปชั่นและบริหารเศรษฐกิจผิดพลาด จนส่งผลให้การก่ออาชญากรรมแบบเป็นกลุ่มแก๊งและการลักพาตัวเพิ่มสูงขึ้น สวนทางกับมาตรฐานการใช้ชีวิตของประชาชนในชาติที่ตกต่ำลง
นายโมอิสใช้เวลาตลอดปีที่ผ่านมา ทำสงครามการเมืองกับกลุ่มฝ่ายค้าน เรื่องวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของเขา ซึ่งฝ่ายค้านยืนยันว่าครบแล้ว แต่โมอิสอ้างว่ายังเหลืออีก 1 ปี
นอกจากนี้ นายโมอิสยังวางแผนจะจัดการลงคะแนนเสียงประชามติ เพื่อยกเครื่องรัฐธรรมนูญของประเทศ โดยอ้างว่าจำเป็นต้องทำให้ทันสมัย แต่กลุ่มฝ่ายค้านกังวลว่า เขาจะแก้กฎหมายส่วนที่ห้ามประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกิน 2 สมัย ซึ่งจะทำให้เขาสามารถลงเลือกตั้งได้อีกครั้งในเดือนกันยายนนี้
ผู้สืบทอดอำนาจยังไม่ชัดเจน
การเสียชีวิตของนายโมอิส เกิดขึ้นในขณะที่เฮติเผชิญเหตุความไม่สงบอย่างต่อเนื่อง และยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ใครจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจต่อ เพราะตัวเลือกลำดับที่ 1 นั้น เสียชีวิตเพราะโควิด-19 ไปแล้ว
ด้านนาย ฌอง วิลแนร์ มอแรง ประธานสมาคมผู้พิพากษาแห่งชาติของเฮติ ยอมรับกับสำนักข่าว CNN ว่า ยังไม่มีความชัดเจนว่าใคร จะขึ้นมารับตำแหน่งประธานาธิบดีแทนนายโมอิส
เพราะตามปกติแล้ว ตัวเลือกลำดับ 1 ที่ได้เป็นประธานาธิบดีต่อ ในกรณีที่ผู้นำประเทศไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้คือ ประธานศาลฎีกา คอ เรเน ซิลเวสเตอร์ แต่เขาเสียชีวิตจากโควิด-19 และมีกำหนดจัดพิธีศพในสัปดาห์นี้
หรือถ้ารักษาการนายกรัฐมนตรี โคล้ด โจเซฟ ต้องการขึ้นมาสืบทอดตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ เขาต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภาเสียก่อน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ เฮติไม่มีสภานิติบัญญัติ
แม้จะเคยมีกรณีที่ประธานรัฐสภาแห่งชาติมารับตำแหน่งผู้นำเพื่อปิดช่องว่างในปี 2015 แต่ปัจจุบันไม่มีผู้ที่ดำรงตำแหน่งนั้น
อย่างไรก็ตาม เฮติยังเหลือสมาชิกวุฒิสภาอีก 1 ใน 3 ที่ยังปฏิบัติหน้าที่อยู่ ซึ่งนายโจเซฟ แลมเบิร์ต ผู้นำวุฒิสมาชิก อาจกลายเป็นตัวเลือกลำดับถัดไปก็เป็นได้
วิกฤติเลวร้ายลง
การเสียชีวิตของนายโมอิสเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความรุนแรงในประเทศที่ยังคุกรุ่น โดยเฉพาะในกรุงปอร์โตแปรงซ์ ที่กลุ่มแก๊งคู่อริต่อสู้กันเอง หรือปะทะกับตำรวจเพื่อแย่งชิงความเป็นเจ้าถิ่นตามพื้นที่ต่าง ๆ
ขณะที่การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในเฮติก็เลวร้ายลงในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฮติเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลก ที่ยังไม่เริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิดให้แก่ประชาชนเลย
ในเวลาเดียวกัน เฮติก็กำลังประสบปัญหาเศรษฐกิจอย่างหนัก โดยเศรษฐกิจของประเทศหดตัวก่อนการระบาดของโควิด และถดถอยขึ้นอีก 3.8% เมื่อปีที่แล้ว ขณะที่ชาวเฮติที่อยู่ในเกณฑ์ยากจนเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 60%
ด้านองค์กร Unicef เตือนในเดือนพฤษภาคมว่า จำนวนเด็กที่เป็นโรคขาดสารอาหารรุนแรงจะเพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในปีนี้ เนื่องจากปัญหาความรุนแรงและประชาชนเข้าไม่ถึงบริการที่จำเป็น
ชาวเฮติมีปฏิกิริยาแตกต่างกันไป บางคนก็รู้สึกหวาดกลัวต่ออนาคต ขณะที่บางคนบอกว่าไม่แปลกใจต่อการลอบสังหารครั้งนี้ และมองว่าเป็นความผิดของเขาเอง
อย่างไรก็ตามเฮติประกาศไว้อาลัยทั่วประเทศ แด่การจากไปของโมอิส เป็นเวลา 2 สัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้ (8 กรกฎาคม) เป็นต้นไป
เรื่อง : สุภาพร เอ็ลเดรจ
ภาพ : Michael & Diane Weidner
ข่าวเกี่ยวข้อง :
--------------------
เกาะติดสถานการณ์โควิด-19 ทันความเคลื่อนไหว ได้ความรู้ที่ถูกต้อง ส่งตรงถึงมือคุณ
คลิกเลย!! >>> รู้ทันกันโควิด <<< หรือ กด *301*35# โทรออก