5 เครื่องบินรบแห่งปี 2025 ที่คนไทยไม่ควรพลาด จากการใช้งานจริงในไทยและทั่วโลก !

ในปี 2025 นี้ มี 5 เครื่องบินรบที่เป็นดาวเด่น ใครเห็นก็ต้องทัก จากการใช้งานจริง ซึ่งมีทั้งแบบที่ปฏิบัติงานมานาน และเป็นการใช้งานจริงครั้งแรก (Combat proven) จากปฎิบัติการทางกทหาร ทั้งในไทยและต่างประเทศ

เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F, Gripen C/D

เริ่มที่ใกล้ตัวคนไทยอย่าง Gripen E/F ที่กองทัพอากาศไทยเพิ่งประกาศจัดซื้อเมื่อไม่นานมานี้ รวมถึงรุ่นพี่อย่าง Gripen C/D ที่มีบทบาทสำคัญในการป้องกันชายแดนของประเทศ 

พร้อมจุดเด่นในด้านการเป็นอากาศยานยุคใหม่ที่เน้นการรบด้วยเซ็นเซอร์และข้อมูล ระบบ Data Link ที่รองรับทั้ง Link 16 ของสหรัฐฯ กับ Link-T ที่ไทยกำลังผลักดันให้เป็นมาตรฐานของประเทศในอนาคต แม้ว่าจะยังไม่ได้ความสามารถซ่อนเร้นหรือ Stealth ก็ตาม

เครื่องบินขับไล่ Chengdu J-10

ต่อกันที่ Chengdu J-10 เครื่องบินขับไล่จากจีนที่ตั้งเป้าคู่แข่งโดยตรงเป็น Dassault Rafale จากฝรั่งเศส โดยมีจุดเด่นด้าน ความคล่องตัวสูง และ เรดาร์ AESA ขั้นสูง รองรับการติดตั้งอาวุธนำวิถีแบบ PL-15 ที่ยิงอากาศยานได้ไกลถึง 300 กิโลเมตร ทำความเร็วได้ 2,205 กม./ชม.

ตัวเครื่องบินราคาประมาณลำละ 2,200 ล้านบาท และถูกใช้งานจริง หรือ combat proven ในสถานการณ์ชายแดนอินเดีย - ปากีสถาน

เครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale

พูดมาถึงขนาดนี้ก็ต้องพูดถึงคู่แข่งอย่าง Dassault Rafale จากฝรั่งเศส ที่ Combat proven มาแล้วหลายสมรภูมิ มีจุดเด่นในด้านประสิทธิภาพตัวเครื่อง ทำความเร็วได้ 2,222 กม./ชม.และระบบเซ็นเซอร์ที่ทันสมัยที่สุดแบบหนึ่งในบรรดาเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4.5 

อย่างไรก็ตาม Rafale ต่อลำนั้นมีราคาได้มากถึง 3,600–4,300 ล้านบาท ซึ่งถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบคู่แข่งจากจีน หรือแม้แต่ในค่าย NATO เหมือนกัน 

เครื่องบินทิ้งระเบิด Northrop B-2 Spirit

ต่อจากเครื่องบินขับไล่ก็เป็น Northrop B-2 Spirit เครื่องบินทิ้งระเบิดระดับยุทธศาสตร์ที่สหรัฐฯ ภาคภูมิใจ แม้จะเปิดตัวครั้งแรกตั้งแต่ปี 1989 แต่ก็มีคุณสมบัติซ่อนเร้น หรือ Stealth ซึ่งแต่ละลำมีราคาสูงถึง 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 66,000 ล้านบาท

B-2 ปฏิบัติภารกิจมาอย่างต่อเนื่อง และในปีล่าสุดกับ Operation Midnight Hammer เพื่อทำลายจุดที่เชื่อว่าเป็นโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ด้วยระเบิดเจาะเกราะแบบ GBU-57 MOP

เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH Wolverine

ปิดท้ายกันที่ AT-6TH Wolverine เครื่องบินโจมตีเบาที่มีความสามารถไม่เบาเหมือนชื่อ ชูจุดเด่นว่าสามารถปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนทางอากาศให้กับหน่วยภาคพื้นดิน 

รวมถึงการลาดตระเวนชายแดนได้ รองรับน้ำหนักของระบบอาวุธทั้งหมดไม่เกิน 1,800 กิโลกรัม และทำความเร็วได้สูงสุด 510 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระยะเวลาปฏิบัติการต่อเนื่องสูงสุด 7.5 ชั่วโมง เมื่อติดตั้งถังน้ำมันเสริม 4 ถัง และมีในประเทศไทยกว่า 8 ลำ