LH Bank คงเป้าสินเชื่อปี 68 โต 7-8% แม้เศรษฐกิจชะลอ เน้นสินเชื่อดอกเบี้ยผลตอบแทนสูง

นายฉี ชิง-ฟู่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH Bank เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ในครึ่งแรกของปี 2568 มีกำไรสุทธิ 1,103 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.3 % YoY โดยสินเชื่อรวมเติบโต 3.4%  จากสิ้นปี 2567 หลักๆ เป็นการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรายย่อยร้อยละ 9.3 และสินเชื่อธุรกิจร้อยละ 1.8 และธนาคารได้ขยายสินเชื่อ SME ด้วยการออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรม (Product Program) ส่งผลให้สินเชื่อ SME เติบโตอย่างมีนัยสำคัญจากสิ้นปีก่อน นอกจากนี้ ธนาคารได้ขยายฐานลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้น 13 % YoY ด้วยความสำเร็จของผลิตภัณฑ์เงินฝากดิจิทัล “B-You Max” รวมถึงการเติบโตของธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management)

โดยธนาคารได้ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายของ CTBC ไต้หวันซึ่งเป็นบริษัทแม่ ในการสนับสนุนให้สินเชื่อกลุ่มลูกค้าต่างประเทศผ่านสินเชื่อธุรกิจต่างประเทศ (Trade Finance) และอัตราแลกเปลี่ยน (FX) ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าจากประเทศจีน ที่ยังเข้ามาลงทุนในการเข้ามาสร้างโรงงานต่อเนื่องจากครึ่งปีแรกที่ดำเนินการไปแล้ว นอกจากนี้ ธนาคารยังคงรักษาคุณภาพสินทรัพย์โดยมีอัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 2.59 % และ NPL Coverage อยู่ที่  173 % และอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง Tier 1 และ BIS Ratio อยู่ที่ร้อยละ 15.73 และ 17.81 ตามลำดับ

สำหรับกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 ธนาคารยังคงเดินหน้าขยายสินเชื่อกลุ่ม SME ผ่าน Product Program ควบคู่กับการให้บริการ Corporate E-Banking/ Mobile Banking “LHB Biz Connect” ที่รองรับการชำระเงินและธุรกรรมการค้าต่างประเทศ (Trade Finance) ทั้งสกุลเงินบาทและสกุลเงินต่างประเทศ สำหรับลูกค้ารายย่อย ธนาคารยังคงมุ่งเน้นให้บริการสินเชื่อบ้านและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีคุณภาพ นอกจากนี้ ธนาคารเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีAI และแอปพลิเคชัน เพื่อยกระดับความเป็นเลิศในการให้บริการลูกค้าให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น อีกทั้งธนาคารยังเร่งขยายบริการบริหารความมั่งคั่งผ่านโครงการ “Family Banking” โดยมอบสิทธิพิเศษสำหรับกลุ่มลูกค้าWealthและพร้อมตอบสนองทุกความต้องการของคนรุ่นถัดไป

ทั้งนี้ ในปี 2568 ธนาคารยังไม่มีการปรับลดเป้าหมายเป้าการเติบโตที่ตั้งไว้ 7-8% หลังครึ่งแรกโตที่ 3.4% ซึ่งสูงกว่าอุตสาหกรรม และเติบโตทุกกลุ่ม โดยธุรกิจรายย่อย 9% โดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลขยายตัว 284% สินเชื่อธุรกิจรายใหญ่ 6% และสินเชื่อระหว่างประเทศขยายตัว 9.9% แม้ปัจจัยความเสี่ยงในเรื่องของการขึ้นภาษีสินค้านำเข้า (Reciprocal Tariffs) อาจกระทบเศรษฐกิจในครึ่งหลังปีนี้ชะลอลงกว่าครึ่งปีแรก ทั้งนี้ คาดว่าหากไทยโดนภาษี 15-20% คาดว่าผู้ประกอบการยังสามารถบริหารจัดการได้ และคาดว่าเศรษฐกิจ(GDP) จะขยายตัวที่ 1.7% และหากอัตราภาษีแตะเพดานที่ 36% คาดว่า GDP ไทยจะโตลดลงเหลือต่ำกว่า 1% 

โดยการขยายตัวของสินเชื่อในครึ่งหลังปีนี้ ธนาคารยังมุ่งขยายสินเชื่อที่ได้ดอกเบี้ยผลตอบแทนสูงเพื่อหนุนการเติบโตของรายได้ธนาคาร แต่ยังอยู่ในโหมดของความระมัดระวัง โดยจะดูแลให้ความเสี่ยงหนี้เสีย (NPL) อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ คือ ไม่เกิน 3% ของสินเชื่อรวม ซึ่งที่ผ่านมก็ยังดูแลได้แม้ NPL จะเพิ่มขึ้นมาบ้าง โดยจะเน้นไปที่การเติบโตในสินเชื่อ SME และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ธนาคารทำได้ดีและให้ความสำคัญต่อเนื่อง เป็นการกระจายพอร์ตจากสินเชื่อบ้านที่ดอกเบี้ยในปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 2-3% เพราะเมื่อปล่อยสินเชื่อที่ใด้ดอกเบี้ยสูงได้มากขึ้น จะช่วยรักษาส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ในครึ่งปีแรกที่ 2.04% ให้ไม่ต่ำลงมากนัก หลังแนวโน้มดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสลดลงในปลายปีนี้หรือต้นปี 2569  

ด้าน นายวรวุฒน์ โตเจริญธนาผล President และหัวหน้ากลุ่มงานการเงินและบัญชี บริษัท แอล เอช ไฟแนนซ์เชียล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ LHFG เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 กลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มีกำไรสุทธิ 1,121ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.8% และมีสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 361,287 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% YoY โดยกลุ่มธุรกิจทางการเงินแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มุ่งดำเนินธุรกิจภายใต้หลักธรรมาภิบาล และดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน 

นายมนรัฐ ผดุงสิทธิ์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด หรือ LH Fund เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งแรกของปี 2568 มีสินทรัพย์สุทธิของกองทุนรวมที่นับรวมกองทุนอสังหาริมทรัพย์และทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งสิ้น 66,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 4.5% จากสิ้นปี 2567 กองทุนส่วนบุคคล (Private Fund) มีขนาดกองทุน 13,093 ล้านบาท และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพมีขนาดกองทุน 9,596 ล้านบาท 

สำหรับกลยุทธ์ช่วงครึ่งหลังของปี 2568 บริษัทยังคงขับเคลื่อนกลยุทธ์เชิงรุกเพื่อเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รักษาการเติบโตของสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวกับกลุ่มลูกค้า High Net Worth สถาบัน และองค์กร ด้วยการนำเสนอโซลูชันที่ตอบโจทย์ลูกค้านอกเหนือจากการลงทุน  

นายกานต์ อรรถธรรมสุนทร กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ (LH Securities)กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจหลักทรัพย์ครึ่งแรกของปี 2568 ภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อ เนื่องจากปัจจัยกดดันทั้งภายในและภายนอกประเทศ เช่น ความกังวลเรื่องเสถียรภาพทางการเมืองภาวะเศรษฐกิจ มาตรการภาษีตอบโต้ของสหรัฐฯ การปรับลดน้ำหนักตลาดหุ้นไทยโดย MSCI และความขัดแย้งด้านภูมิรัฐศาสตร์เป็นต้น ดังนั้น กลยุทธ์ของบริษัทยังคงมุ่งเน้นการเติบโตอย่างระมัดระวัง เน้นสร้าง Passive Income เช่น รายได้เงินปันผล รายได้ค่าธรรมเนียม การจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ และที่ปรึกษาทางการเงิน รวมทั้งเพิ่มและพัฒนาบริการและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ส่วนดัชนีหุ้นไทยสิ้นปี 2568 คาดไว้ที่ 1,280 จุด ยังลงทุนได้แต่เน้นเลือกลงทุนรายตัว