รีเซต

ผู้ว่าฯพะเยา จับมือ ผู้ว่าฯเชียงราย ปิดเส้นทางรอยต่อพะเยา-เชียงราย 4 จุด 4 อำเภอพรุ่งนี้!

ผู้ว่าฯพะเยา จับมือ ผู้ว่าฯเชียงราย ปิดเส้นทางรอยต่อพะเยา-เชียงราย 4 จุด 4 อำเภอพรุ่งนี้!
มติชน
8 เมษายน 2563 ( 17:32 )
99
ผู้ว่าฯพะเยา จับมือ ผู้ว่าฯเชียงราย ปิดเส้นทางรอยต่อพะเยา-เชียงราย 4 จุด 4 อำเภอพรุ่งนี้!

เมื่อวันที่ 8 เมษายน นายกมล เชียงวงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา  กล่าวว่า ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด และประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อพะเยา ทั้งนี้ได้รับการประสานงานจากคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย และทางเชียงรายได้มีคำสั่ง อย่างเป็นทางการกรณีเกี่ยวกับ การระงับใช้เส้นทางเชื่อมต่อระหว่าง จ.เชียงราย จ.พะเยา รวม 4 เส้นทาง เป็นการปิดเส้นทางเป็นการชั่วคราว เพื่อเป็นการควบคุมไม่ให้ผู้เดินทางสัญจรเข้าพื้นที่เชียงราย และเป็นการตรวจคัดกรองตามมาตรฐาน การป้องกันโรคในจุดที่ทางจังหวัดที่ได้กำหนดไว้ เพื่อยับยั้งการระบาดไวรัสโควิค-19 ล่าสุดในพื้นที่พะเยา 9 อำเภอ พบผู้ติดเชื้อ 2 รายคน แยกเป็นพื้นที่ อ.จุน 1 ราย อ.เชียงคำ 1 ราย

นายกมล กล่าวอีกว่า ตามความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม-30 เมษายน อาศัยอำนาจตามความในข้อกำหนด ออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหาร ราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1 และฉบับที่ 2) มาตรา 35 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อพ.ศ. 2558 กรณีความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อระดับจังหวัด ในคราวประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อในปี 2563 ที่ได้ออกคำสั่งระงับการใช้เส้นทางประกอบด้วย 1.ทางหลวงหมายเลข 1202 สายพะเยา- ป่าแดด บ้านสันต้นแหน-เชียงราย กม.33+922 เขตติดต่อที่บ้านสันต้นแหน ต.ห้วยแก้ว อ.ภูกามยาว จ.พะเยา และบ้านร่องบงใต้ ต.ศรีโพธิ์เงิน อ.ป่าแดด จ.เชียงราย 2.ทางหลวงหมายเลข 1292 สายจุน-แม่ลอยไร่,พวงพะยอม-แม่ลอยไร่ กม.29+100 เขตติดต่อบ้านศรีจอมแจ้ง ต.หงส์หิน อ.จุน จ.พะเยา กับบ้านจำไคร้ ต.แม่ลอย อ.เทิง จ.เชียงราย 3. ทางหลวงชนบทสาย พย.4024 แยกทางหลวงหมายเลข 1126- อ.ป่าแดด จ.เชียงราย กับบ้านทุ่งต้นศรี อ.ดอกคำใต้ จ.พะเยา และ 4.ทางหลวงชนบทสาย พย.4025 แยกทางหลวงหมายเลข 1021- บ้านใหม่ อ.เชียงคำ จ.พะเยา กับ อ.เทิง จ.เชียงราย

หากว่าไม่ได้รับความร่วมมือ หรือผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100.000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ หรือมีความผิดตามมาตรา 18 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40.000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและ/หรือทั้งแพ่งและอาญา ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ 9 เมษายน 2563 เวลา 10.00 น. จนถึงวันที่ 30 เมษายน พ. 2563 เป็นต้นไป หรือจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และขอให้ประชาชนทั่วไป แต่ละสาขาอาชีพปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ข่าวที่เกี่ยวข้อง