รีเซต

ปี 2026 คนจีนจะมีลูกมากขึ้นหรือไม่ ? โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร

ปี 2026 คนจีนจะมีลูกมากขึ้นหรือไม่ ? โดย ดร.ไพจิตร วิบูลย์ธนสาร
TNN ช่อง16
3 กันยายน 2568 ( 14:11 )
10

วันนี้ผมอยากชวนคุยเกี่ยวกับโอกาสทางธุรกิจในจีนที่คาดว่าจะ “พุ่งทะยาน” อีกครั้งอันเนื่องจากการที่ครอบครัวคนจีนจะมีลูกมากขึ้นในปีหน้า คำถามที่ท่านผู้อ่านอาจสงสัยก็คือ อะไรเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ผมเชื่อว่าจะเกิดปรากฏการณ์ดังกล่าวในจีน? ...

ประการแรก นโยบายลูกสามคน ภายหลังการปรับเปลี่ยนนโยบาย “ลูกคนเดียว” ที่ดำเนินมากว่า 30 ปีหลังการเปิดประเทศ สู่นโยบาย “ลูกสองคน” ในเวลาต่อมา และนโยบาย “ลูกสามคน” ในยุคหลังโควิด รัฐบาลจีนก็ออกมาตรการที่เป็น “แรงจูงใจ” ให้ครอบครัวคนจีนมีลูกมากขึ้น


อาทิ การให้เงินอุดหนุนสำหรับลูกคนที่ 2 และ 3 โดยบางเมืองให้เงินอุดหนุนสูงถึง 285,000 หยวนสำหรับลูกคนที่ 3 การเพิ่มวันลาสำหรับสามีและภริยาเพื่อดูแลครอบครัว และการได้รับสิทธิ์พิเศษในการจองตั๋วเครื่องบินและรถไฟความเร็วสูงแก่ครอบครัว 

ผมยังสังเกตเห็นบางองค์กรในจีนจัดให้มีเจ้าหน้าที่และพื้นที่ดูแลลูกหลานของพนักงานเพื่อจูงใจให้คนเหล่านั้นไม่เลือกที่จะลาออก หรือมาทำงานด้วยความสบายใจ

นอกจากนี้ เมื่อราวกลางเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลจีนก็ยังประกาศ “แรงจูงใจใหม่” โดยให้เงินกินเปล่าแก่เด็กที่มีอายุไม่เกิน 3 ปีจำนวน 3,600 หยวนต่อคน/ปี (เดือนละ 300 หยวนต่อคน) ซึ่งอาจดูน้อยเมื่อเทียบกับค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดู การศึกษา และอื่นๆ รวมทั้งที่อยู่อาศัย แต่ประชาชนก็มองโลกในแง่ดี และคาดหวังว่าเม็ดเงินนี้จะเพิ่มขึ้นในอนาคต

ประการที่ 2 ปีนักษัตรกับคนจีน คนจีนมีความเชื่อในเชิงบวกและเชิงลบต่อปีจักรราศี ทำให้เราเห็นการกระตุกตัวเพิ่มหรือลดลงของทารกเกิดใหม่ในจีนในปีที่เกี่ยวข้อง 

ทั้งนี้ โดยทั่วไป คนจีนชื่นชอบ “ปีมังกร” หรือ “ปีงูใหญ่” (มะโรง) มากที่สุด ตามด้วยปีม้า (มะเมีย) และปีหมู (กุล) ในทางกลับกัน คนจีนจะพยายามหลีกเลี่ยงการมีลูกในปีลิง (วอก) และปีแพะ (มะแม) เป็นต้น

ประเด็นสำคัญก็คือ ปี 2026 จะตรงกับปีม้า ซึ่งเชื่อมโยงกับลักษณะเชิงบวกที่พึงปรารถนาหลายประการ อาทิ พลังและความมีชีวิตชีวา อิสระและเสรีภาพ สติปัญญาและพรสวรรค์ เสน่ห์และความนิยม ทำให้หนุ่มสาวชาวจีนต่างตื่นเต้นกับการวางแผนการมีลูกกันยกใหญ่

นอกจากนี้ ชาวจีนบางส่วนยังเชื่อว่า เด็กที่เกิดปีแพะจะประสบปัญหากับความลำบาก แถมเด็กผู้หญิงที่เกิดในปีแพะถูกกำหนดให้เป็น “ผู้ตาม” ไม่ใช่ “ผู้นำ” ดังนั้น ในความพยายามที่ครอบครัวคนจีนจะ “เลี่ยง” การมีลูกในปีแพะ ครอบครัวคนจีนจึงอาจวางแผนมีลูกในปีม้าแทน

ประการสุดท้าย “แรงกระตุ้นใหม่” ในการประชุมใหญ่สมัยที่ 4 ของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนชุดที่ 20 ในเดือนตุลาคม 2025 นอกจากการหารือเกี่ยวกับแผนพัฒนา 5 ปีฉบับที่ 15 (2026-2030) และเป้าหมายในปี 2030 แล้ว เรายังอาจได้เห็นที่ประชุมหยิบยกเอาความท้าทายที่ “ลึกซึ้งและซับซ้อน” จากสงครามการค้า 2.0 และปัจจัยอื่นๆ มาพูดคุยกัน ซึ่งอาจตามมาด้วยการกำหนดนโยบายใหม่ในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และการรักษาจำนวนประชากรให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

สิ่งนี้อาจทำให้จีนต้องการ “โมเดลใหม่” ในการกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์และการจูงใจการมีลูกเพิ่ม อาทิ เงินอุดหนุนที่อยู่อาศัยสำหรับคนหนุ่มสาว การเพิ่มเงินอุดหนุนและสวัสดิการการมีลูกคนใหม่ และอื่นๆ ซึ่งอาจช่วยสร้างความมั่นใจต่อเศรษฐกิจและการกระตุ้นจำนวนทารกเกิดใหม่ในจีน

อย่างไรก็ดี จีนยังคงต้องเผชิญกับแรงกดดันด้านเศรษฐกิจและสังคม เพราะการมีลูกแต่ละคนก่อภาระทางการเงินจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นค่าฝากครรภ์และทำคลอด ค่าเลี้ยงดู ค่าเล่าเรียน และอื่นๆ แถมยังอาจต้องหาซื้อที่พักหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม

ขณะเดียวกัน มุมมองความคิดที่ให้ความสำคัญกับการสร้างครอบครัวในเชิงคุณภาพ แทนที่เชิงปริมาณ อันเนื่องจากการซึมซับข้อมูลจากการวางแผนครอบครัวสมัยใหม่นับแต่เมื่อครั้งนโยบาย “ลูกคนเดียว” ที่ดำเนินมาตลอดกว่า 30 ปีหลังการเปิดประเทศสู่ภายนอก (แม้ว่ารัฐบาลจีนจะได้ปรับเปลี่ยนนโยบายดังกล่าวสู่ “ลูกสองคน” ในเวลาต่อมา และ “ลูกสามคน” ในปัจจุบันก็ตาม)

คนจีนในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในชุมชนเมือง ส่วนใหญ่วางแผนครอบครัวที่แตกต่างไปจากเดิม อาทิ การแต่งงานล่าช้าหรือการไม่แต่งงาน และหากแต่งงานก็ไม่อยากมีลูก ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของการมีลูกคนแรกของจีนสูงกว่า 29 ปีซึ่งลดโอกาสของการมีลูกมาก พฤติกรรมเหล่านี้อาจทำให้อัตราการเกิดของจีนลดต่ำลงไปอีก

ยิ่งไปกว่านั้น สังคมจีนก็หันไปให้ความสำคัญกับ “ความเป็นอิสระ” และ “เคารพสิทธิ์” ของแต่ละบุคคลมากขึ้น ทั้งด้านการประกอบอาชีพและการมีครอบครัว นั่นเท่ากับว่า การใช้มาตรการ “เชิงบังคับ” ส่งเสริมการมีลูกมากของรัฐบาลก็อาจเป็นเรื่องที่ยากในเชิงปฏิบัติ และอาจสะท้อนถึง “ความสิ้นหวัง” มากกว่า “นโยบายที่มีประสิทธิภาพ” 

ในเชิงโครงสร้าง อัตราการเกิดของจีนอยู่ในช่วง “ขาลง” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤติโควิด กล่าวคือ จีนยังคงมีทารกเกิดใหม่ต่ำกว่า 10 ล้านคนต่อปี ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลจีนที่ตั้งไว้ที่ปีละ 17-20 ล้านคน

นอกจากนี้ อัตราการเจริญพันธุ์รวมของจีนยังลดลงเหลือเพียงราว 1.0 ในปี 2024 ซึ่งเป็นอัตราต่ำสุดแห่งหนึ่งของโลก และคาดการณ์ว่า ภายในปี 2026 ผู้หญิงจีนที่มีอายุระหว่าง 23-28 ปี (วัยเจริญพันธุ์) จะลดลงอย่างมาก ซึ่งจะลดโอกาสการเพิ่มทารกเกิดใหม่ลงไปอีก

ประการสำคัญ เมื่อพิจารณายอดทารกเกิดใหม่ในปีมังกรที่ผ่านมา ครอบครัวคนจีนก็ไม่ได้มีลูกเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่ประการใด จึงนับเป็นความท้าทายที่รออยู่สำหรับครอบครัวคนจีน 

แต่หากจะให้ผมประเมินว่า คนหนุ่มสาวจีนจะมีลูกเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด ผมก็ขอ “ฟันธง” ว่าปีหน้า จีนน่าจะมีทารกเกิดใหม่เพิ่มขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงยุคหลังโควิด โดยมีจำนวนทารกเกิดใหม่อยู่ที่ราว 10 ล้านคน แต่หากจีนสามารถสร้างความเชื่อมั่นในทิศทางเศรษฐกิจได้ ก็อาจทำให้คนจีนพร้อมมีลูกเพิ่มขึ้นและมีจำนวนรวมมากกว่า 10 ล้านคนเป็นครั้งแรกในยุคหลังโควิด ซึ่งนั่นหมายถึงโอกาสทางธุรกิจที่รออยู่ในอนาคต

ไล่ตั้งแต่อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและสิ่งทอ และอื่นๆ สำหรับทารกและเด็ก และของที่ระลึกรูปม้า ขณะเดียวกัน เราก็น่าจะเห็นการเติบโตของอุปสงค์ในบริการรับฝากครรภ์และทำคลอด การประกันสุขภาพ กิจกรรมขี่ม้า และกีฬาที่เกี่ยวข้อง

ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรติดตามประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด เพราะหากกระแสดังกล่าว “จุดติด” การตระเตรียมสินค้าและบริการเพื่อรองรับการมีลูกมากขึ้นในตลาดจีน ก็อาจเป็นโอกาสทางธุรกิจครั้งใหญ่ในปีหน้าได้ครับ ...

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง