รีเซต

ลุ้นหุ้นไทยพุ่งแตะ1,626จุด หวังฟันด์โฟลว์ต่างชาติหนุน

ลุ้นหุ้นไทยพุ่งแตะ1,626จุด หวังฟันด์โฟลว์ต่างชาติหนุน
TNN ช่อง16
7 มกราคม 2564 ( 12:50 )
58
ลุ้นหุ้นไทยพุ่งแตะ1,626จุด หวังฟันด์โฟลว์ต่างชาติหนุน

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส  เปิดเผยว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยปีนี้ยังไปต่อทั้งระยะกลาง-ยาว คาดว่าจะเป็นปีแห่ง Fund Flow จากหลายช่องทาง ทั้งการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (FDI) แรงหนุนจากนโยบายของนาย Joe Biden ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่ผลักดันการขึ้นภาษีนิติบุคคล และค่าจ้างขั้นต่ำในสหรัฐฯ จะทำให้เงินไหลออกจากสหรัฐฯมาตลาดหุ้นไทยและเอเชีย นอกจากนี้พรรคเดโมแครตมีเสียงข้างมากในสภาสูง รวมทั้งสภาล่างและทำเนียบขาว

ส่วนการลงทุนทางอ้อม (การลงทุนผ่านสินทรัพย์ทางการเงิน) ในภาวะอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับต่ำทำให้เม็ดเงินย้ายจากพันธบัตรมาสู่ตลาดหุ้นมากขึ้น ขณะที่ค่าเงินบาทที่ยังแข็งค่า หนุนให้เกิดกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้น รวมถึง Liquidity ที่ล้นระบบ (เงินฝากสูงกว่า Market Cap ตลาดฯ)  และรอจ่อเข้าตลาดหุ้น ถือเป็นตัวช่วยเพิ่มน้ำหนักในตลาดหุ้นอีกแรง

ประเมินเป้าหมาย SET Index ภายใต้ Market Earning Yield Gap 3.7% ถึง 3.5% บนอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.5% ถือว่าอยู่ในระดับอนุรักษ์นิยมในภาวะ Fund Flow ไหลเข้า  (MEYG เคยลงไปได้ลึกถึง 2.6% - 2.7%) คิดเป็น P/E ที่ 23.8 เท่า และ 25 เท่า เมื่อคูณกับ EPS64F 65.04 บาท/หุ้น จะได้เป้าหมายแรกดัชนี 1,550 จุด (อิง Market Earning Yield Gap 3.7%)  เป้าหมาย SET Index ถัดไปที่ 1,626 จุด (อิง Market Earning Yield Gap 3.5%)   ซึ่งกรณีนี้โควิดต้องไม่ยืดเยื้อเกินเดือนม.ค. ถ้ายืดเยื้อจะเป็นดาวน์ไซด์ต่อตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ภาพรวมของเศรษฐกิจปีนี้คาดว่าจะเติบโต  4.1%yoy จากฐานที่ต่ำ เนื่องจากรัฐมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเนื่อง  กำไร บริษัทจดทะเบียนจะอยู่ที่ 7.19 แสนล้านบาท หรือคิดเป็น 65.04 บาท/หุ้น เติบโต 38.1%yoy อย่างไรก็ตาม  นับตั้งแต่ปลายงวด 4Q63 และต่อเนื่องมาถึงช่วงต้น 1Q64 สถานการณ์ระบาดของไวรัส COVID19 ในไทยในรอบนี้ถือว่ารุนแรงกว่ารอบแรกปี 2563 ทำให้รัฐบาลต้องออมาตรการควบคุมโรค โดยต้องติดตามว่าจะนานหรือไม่ หากยืดเยื้อจะกระทบต่อเศรษฐกิจใน 1Q64 ถือเป็น Downside ต่อประมาณกำไร GDP และกำไรบริษัทจดทะเบียนในปีนี้ 

 ส่วนมาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจ เชื่อว่ารัฐบาบต้องมีการขับเคลื่อนต่อเนื่องและต้องเพิ่มน้ำหนัก รวมถึงวงเงินให้สูงขึ้น แต่ก็มีข้อจำกัดเรื่องกำรก่อหนี้ซึ่งถูกกำหนดเป็นวินัยการคลังไว้ที่ 60% ของ GDP คิดเป็นมูลค่าเงินกู้ที่คงเหลือกู้ได้อีก 1.7ล้านล้านบาท นับจากสิ้นเดือน ต.ค. 63 

ด้านกลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้นขนาดใหญ่พื้นฐานแข็งแกร่ง และได้แรงหนุนจาก Fund Flow อย่าง PTT, KBANK, ADVANC, GULF และหุ้นปันผลสูง AP, DCC ในทางตรงกันข้ามหุ้นที่ขยับขึ้นมาแรงจนเกินมูลค่าทางพื้นฐาน อย่าง MAJOR, DELTA ต้องระมัดระวังในการซื้อขาย หรือเก็งกำไร

นายฐกฤต ชาติเชิดศักดิ์ ผู้ช่วยผู้จัดการฝ่ายวิจัย บล.เอเชียพลัส กล่าวว่า การแพร่ระบาดโควิดและทั่วโลกล็อกดาวน์ กระทบต่อจีดีพีโลกและไทย  โดยล่าสุดธนาคารกลางโลกหรือเวิลด์แบงก์ได้ปรับลดจีดีพีโลกลงเหลือ 4 %ส่วนในไทยหากโควิดยืดเยื้อและมีการล็อกดาวน์ทั้งประเทศในทุก 1 เดือนจีดีพีหายไป 1.1% ซึ่งเชื่อว่าภาครัฐยังมีมาตรการคลังเข้ามาดูแลเศรษฐกิจต่อเนื่อง ส่วนนโยบายการเงินแม้ว่าดอกเบี้ยนโยบายอยู่ระดับต่ำสุดแล้วที่ระดับ 0.5% แต่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลที่ลดลง เงินเฟ้อที่อยู่ระดับต่ำอาจทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 1 ครั้ง 0.25% ในปีนี้ 



เกาะติดข่าวที่นี่

website: www.TNNTHAILAND.com
facebook : TNNONLINE
facebook live : TNN Live
twitter : TNNONLINE
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNONLINE
Instagram : TNN_ONLINE
TIKTOK : @TNNONLINE

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง