สมาชิกนาโตทุ่มงบกลาโหมครบ 2% ของจีดีพีทุกชาติ แต่เพียง 3 ประเทศที่บรรลุ 3.5%

รายงานฉบับใหม่ขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (NATO) ระบุว่า บรรดาสมาชิกทั้ง 32 ประเทศจะใช้งบประมาณด้านกลาโหมตั้งแต่ 2% ของจีดีพี ภายในปีนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่กำหนดไว้ตั้งแต่การประชุมสุดยอดนาโตที่เวลส์ในปี 2014 แต่มีเพียงโปแลนด์ (4.48%) ลิทัวเนีย (4%) และลัตเวีย (3.73%) ที่บรรลุเป้าหมายใหม่ของพันธมิตรที่ 3.5% ของจีดีพี ซึ่งเพิ่งได้รับการเห็นชอบในการประชุมที่กรุงเฮกของเนเธอร์แลนด์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

รายงานระบุว่า ประเทศที่เคยใช้งบต่ำกว่าเกณฑ์ เช่น สเปน อิตาลี และเบลเยียม ได้เพิ่มงบประมาณกลาโหมจนถึงระดับที่กำหนดแล้ว โดยเมื่อปีที่แล้ว กว่า 10 ประเทศสมาชิกนาโตยังไม่สามารถแตะเกณฑ์ 2% ได้

การปรับเพิ่มงบกลาโหมครั้งใหญ่ของยุโรปเกิดขึ้นหลังการรุกรานยูเครนอย่างเต็มรูปแบบโดยรัสเซียในปี 2022 และแรงกดดันจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ที่เรียกร้องให้พันธมิตรยุโรปลงทุนด้านการป้องกันตนเองมากขึ้น

แม้สหรัฐฯ จะเป็นประเทศที่ทุ่มงบกลาโหมมากที่สุดในเชิงตัวเลข แต่ปีนี้สหรัฐฯ จะใช้จ่ายเพียง 3.22% ของจีดีพี ซึ่งยังไม่ถึงเกณฑ์ใหม่ 3.5% สำหรับเยอรมนี แม้ยังไม่มีตัวเลขที่แน่ชัด แต่รัฐบาลระบุว่าจะสามารถแตะเป้าหมายได้หากรัฐสภาอนุมัติงบประมาณ

มาร์ก รุตเตอ เลขาธิการนาโต กล่าวระหว่างการเปิดโรงงานผลิตกระสุนใหม่ของบริษัทไรน์เมทัล ใกล้เมืองฮันโนเวอร์ เยอรมนี ว่า เขายินดีที่สมาชิกนาโตเพิ่มงบกลาโหม แต่เตือนว่าตัวเลขงบประมาณเพียงอย่างเดียวไม่อาจสร้างความมั่นคงได้ เพราะเงินอย่างเดียวไม่ได้ทำให้เกิดความมั่นคง การป้องปรามไม่ได้มาจาก 5% ของงบประมาณ แต่เกิดจากขีดความสามารถที่แท้จริงในการสู้รบกับศัตรูที่อาจเกิดขึ้น