รัฐบาลทรัมป์ถูกฟ้องร้องกว่า 200 คดีในช่วง 100 วันแรกของการทำงาน

รัฐบาลประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ทำงานครบ 100 วันแรกในวันอังคารที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ตามปกติแล้ว การทำงาน 100 วันแรกของรัฐบาลสหรัฐฯ คือช่วงของการประเมินความก้าวหน้าในการทำงานของประธานาธิบดีตามที่ได้หาเสียงเลือกตั้งเอาไว้
แต่มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลทรัมป์ได้ถูกฟ้องร้องแล้วมากกว่า 200 คดีในสหรัฐฯ ในช่วง 100 วันแรกของการทำงานของรัฐบาล ในคดีที่เกี่ยวกับภาษีศุลกากร , นโยบายคนต่างด้าว , การศึกษา และการปลดพนักงานภาครัฐ นับตั้งแต่รัฐบาลทรัมป์เริ่มต้นการทำงานเป็นต้นมา ทั้งนี้ จากการรายงานของสื่อดิจิทัลชื่อ "Just Security" สื่อดิจิทัลอิสระไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดทางด้านกฎหมายและนโยบาย
ซีซีทีวีระบุว่า นโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์ได้สร้างความแตกแยกตั้งแต่ในช่วง 100 วันแรกที่เริ่มกลับเข้าทำเนียบขาวอีกครั้ง และได้เริ่มใช้นโยบายหลายอย่าง รวมถึงมาตรการเก็บภาษีนำเข้าอย่างถ้วนหน้า , ผลักดันการเนรเทศคนต่างด้าว , ปลดพนักงานรัฐบาลกลางครั้งใหญ่ และปิดสำนักงานรัฐบาลเป็นจำนวนมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การฟ้องร้องทางกฎหมายในคดีที่เกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากรของทรัมป์นั้น กำลังเพิ่มขึ้นอีก ล่าสุดคือในวันที่ 14 เมษายนที่ผ่านมา ธุรกิจขนาดเล็กในสหรัฐฯ หลายแห่งฟ้องร้องรัฐบาลทรัมป์เกี่ยวกับนโยบายภาษีศุลกากร
และมี 12 รัฐแล้วในสหรัฐฯ รวมถึงรัฐใหญ่อย่างแคลิฟอร์เนีย ได้ร่วมกันฟ้องร้องรัฐบาลกลางสหรัฐฯ เรียกร้องให้รัฐบาลทรัมป์หยุดมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (reciprocal tariff) โดยกล่าวหาว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ส่วนการปลดพนักงานภาครัฐครั้งมโหฬารของทรัมป์ทั่วทั้งหน่วยงานรัฐบาลกลาง ก็ก่อให้เกิดคลื่นการฟ้องร้องตามมาหลายคดี
ด้านการศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์เวิร์ดเพิ่งกล่าวหารัฐบาลทรัมป์ พยายามเข้าควบคุมความเป็นอิสระในการตัดสินใจในเชิงวิชาการของฮาร์เวิร์ด ด้วยการแช่แข็งเงินทุนของรัฐบาลกลางที่ให้แก่ฮาร์เวิร์ด
เกี่ยวกับนโยบายคนต่างด้าว ทรัมป์ได้ลงนามคำสั่งบริหารตั้งแต่วันแรกของการทำงาน ยกเลิกสิทธิการเป็นพลเมืองสหรัฐฯ จากการเกิดในสหรัฐฯ แต่ถูกผู้พิพากษารัฐบาลกลางหลายคนมีคำสั่งขวางคำสั่งของทรัมป์นี้
นิวยอร์ก ไทมส์รายงานเมื่อวันเสาร์ที่แล้ว (26 เมษายน) ว่า โดยรวมแล้ว ฝ่ายตุลากรสหรัฐฯ ได้ออกคำสั่งศาลแล้วอย่างน้อย 108 คำสั่ง ขวางรัฐบาลทรัมป์ไม่ให้ปฏิบัติตามนโยบายต่าง ๆ หลายนโยบายให้ลุล่วงได้
นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า การที่รัฐบาลทรัมป์ใช้วิธีผลักดันอย่างหนักในการใช้นโยบายต่าง ๆ นั้น สะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลทรัมป์ ที่ตั้งใจทำให้อำนาจของฝ่ายบริหารกลายเป็นอาวุธ จึงได้จุดชนวนให้เกิดการฟ้องร้องทางกฎหมายตามมาอย่างท่วมท้น
ปรากฏการณ์ "สหรัฐฯ ฟ้องตัวเอง" นี้ ไม่เพียงเน้นให้เห็นความขัดแย้งที่เพิ่มสูงขึ้นระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายตุลากรของสหรัฐฯ แต่ยังเผยว่า การฟ้องร้องทางกฎหมายในสหรัฐฯ ได้กลายเป็นสมรภูมิหลักในสงครามระหว่างฝักฝ่ายต่าง ๆ ในสหรัฐฯ
การปะทะที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องระหว่างฝ่ายบริหารและตุลาการของสหรัฐฯ รวมไปถึงสงครามระหว่างฝักฝ่ายต่าง ๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นนี้ เป็นการเติมเชื้อเพลิงลงสู่กองไฟแห่งความไม่พอใจของประชาชน และยังช่วยเพิ่มความตาสว่างให้แก่สาธารณชนต่อนโยบายต่าง ๆ ของทรัมป์
ความไม่พอใจของชาวอเมริกันได้สะท้อนออกมาผ่านการประท้วงที่ระเบิดขึ้นมากกว่า 1,000 ครั้งในทั้ง 50 รัฐฯ ทั่วสหรัฐฯ นับเฉพาะในเดือนนี้เดือนเดียว (เมษายน)