รีเซต

TNPผนึกพาร์ตเนอร์อัพยอด “เราชนะ”หนุนโค้งแรกเต็มสูบ

TNPผนึกพาร์ตเนอร์อัพยอด “เราชนะ”หนุนโค้งแรกเต็มสูบ
ทันหุ้น
8 มีนาคม 2564 ( 09:00 )
100
TNPผนึกพาร์ตเนอร์อัพยอด “เราชนะ”หนุนโค้งแรกเต็มสูบ

ทันหุ้น – TNP เล็งจับมือพาร์ทตเนอร์ต่อยอดการขาย แม่ทัพหญิง “อมร พุฒิพิริยะ” ส่งซิกทิศทางยอดไตรมาส1/2564 โดดเด่น  โครงการ“เราชนะ” หนุน ชี้กลุ่มอาหาร เครื่องใช้ในครัวเรือนขายดี ปักธงปี 2564 โตต่อ 10-15% จากปีก่อน 2.19 พันล้านบาท บอร์ดใจดีจ่ายปันผล 0.04 บาท เตรียมรับทรัพย์ 19 พฤษภาคม 2564 

 

นางอมร พุฒิพิริยะ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนพิริยะ จำกัด (มหาชน) หรือ TNP ผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีก และค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภค ในจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/2564 คาดจะดีกว่าไตรมาส 1/2563 เพราะบริษัทได้รับอานิสงส์จากโครงการ”เราชนะ” ผู้บริโภคเดินทางเข้ามาใช้สิทธิ์กันอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันบริษัทเตรียมสินค้าพร้อมขายเพื่อให้เพียงพอต่อผู้บริโภค ทั้งนี้สินค้าที่ยอดขายดียังเป็นกลุ่มอาหาร และเครื่องใช้ในครัวเรือน รวมถึงเครื่องสำอางยังมีอัตราการเติบโต แต่อาจจะน้อยกว่ากลุ่มอาหาร และเครื่องใช้ในครัวเรือน

 

ขยายสาขา

 

ขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจปี 2564 บริษัทวางแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5 สาขา จากสิ้นปี 2563 มีจำนวนสาขาทั้งสิ้น 32 สาขา ได้แก่ จังหวัดเชียงราย 26 สาขา จังหวัดพะเยา 4 สาขา และจังหวัดเชียงใหม่ 2 สาขา โดยในไตรมาส 1/2564 บริษัทเปิดไปแล้ว 1 สาขา และอยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมจะเปิดสาขาที่ 2 ในเร็วๆนี้ ส่วนงบลงทุนรวมในการขยายสาขา บริษัทวางงบไว้ที่ 100 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกันในไตรมาส 2/2564 บริษัทจะจับมือพาร์ตเนอร์ เพื่อร่วมต่อยอดธุรกิจ และให้บริการทางการขาย อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนการขายแฟรนไชส์ และซื้อกิจการเพื่อขยายฐานธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งนี้บริษัทไม่รีบขยายธุรกิจแนวใหม่  แต่เน้นการขยายธุรกิจที่ยั่งยืนระยะยาว

 

สำหรับภาพรวมยอดขายปี 2564 บริษัทตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่องจากปี 2563 โดยมองอัตราการเติบโตอยู่ที่ 10-15% จากยอดขายสาขาเดิม และการขยายสาขาใหม่ ซึ่งบริษัทวางแผนจะเพิ่มสาขาในปี 2564 อีกจำนวน 5 สาขา และพยายามรักษาความสามารถในการทำกำไรให้ดีเหมือนกับปี 2563 

 

อนึ่ง ผลการดำเนินงานประจำปี 2563 บริษัทมียอดขายจำนวน 2,196.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนจำนวน 243.67 ล้านบาท หรือเติบโต 12.48% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากยอดขายของสาขาเดิม 2.6% เป็นผลมาจากการซื้อสินค้าล่วงหน้าของผู้บริโภค เนื่องจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของรัฐบาล และจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของยอดขายรวมจากการขยายสาขาใหม่ของบริษัทในปี 2563 จำนวน 4 สาขา

 

ใจดีปันผล

 

                ขณะที่ กำไรขั้นต้นของบริษัทอยู่ที่  358.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 65.58 ล้านบาท หรือเติบโต 22.37% โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 16.33% จากปีก่อนอยู่ที่ 15.01% เป็นผลจากยอดขายผ่านสาขาโต และการได้รับค่าสนับสนุนการขายจากผู้จำหน่าย ส่งผลให้กำไรสุทธิอยู่ที่ 133.86 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 45.26 ล้านบาท หรือเติบโต 51.09%  โดยมีอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 6.06% จากปีก่อนอยู่ที่ 4.51%

 

                ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลจากผลประกอบการประจำปี 2563 ให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.07 บาท เป็นจำนวนเงินท้้งสิ้น 56,000,000 บาท ซึ่งเมื่อหักเงินปันผลระหว่างกาลที่ได้จ่ายให้แก่ผู้ถือหุ้นแล้ว ในอัตราหุ้นละ 0.03 บาท  จึงคงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ในวันที่ 12 มีนาคม2564 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2564

 

 

ยอดนิยมในตอนนี้

แท็กยอดนิยม

ข่าวที่เกี่ยวข้อง