52% พลังงานไทยพึ่งตะวันออกกลาง เสี่ยงหนักหากปิดฮอร์มุซ

หวั่นแรงกระเพื่อมจากช่องแคบฮอร์มุซ สั่นคลอนราคาน้ำมัน ปุ๋ย และเสถียรภาพเศรษฐกิจไทย
ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงจากหลายทิศทาง ความเคลื่อนไหวของอิหร่านในการตอบโต้ปฏิบัติการโจมตีของสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2568 กำลังกลายเป็นชนวนที่อาจเขย่าระบบพลังงานโลกอีกระลอก โดยเฉพาะเมื่อรัฐสภาอิหร่านลงมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันที่สำคัญที่สุดของโลก
แม้การตัดสินใจจะยังต้องรอการรับรองจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน และผู้นำสูงสุดอยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี แต่กระแสความไม่แน่นอนที่ปกคลุมบริเวณอ่าวเปอร์เซีย ก็เพียงพอจะกดดันให้ภาคธุรกิจทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศผู้นำเข้าน้ำมันอย่างไทย ต้องเริ่มประเมินผลกระทบและปรับแผนอย่างเร่งด่วน
จุดยุทธศาสตร์ที่โลกไม่อาจมองข้าม
ช่องแคบฮอร์มุซมีความกว้างเพียง 33 กิโลเมตร แต่กลับมีบทบาทสำคัญในระบบพลังงานโลก ด้วยปริมาณการขนส่งน้ำมันดิบผ่านช่องทางนี้สูงถึง 20.7 ล้านบาร์เรลต่อวันในปี 2566 หรือราว 1 ใน 5 ของการส่งออกน้ำมันทั่วโลก การขนส่งจากซาอุดีอาระเบีย อิรัก สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต อิหร่าน โอมาน และกาตาร์ ล้วนต้องพึ่งพาเส้นทางนี้
การปิดช่องแคบฮอร์มุซไม่เพียงเป็นปัญหาทางยุทธศาสตร์ แต่ยังอาจทำให้ซัพพลายเชนด้านพลังงานของโลกหยุดชะงักอย่างไม่ทันตั้งตัว ขณะที่ราคาน้ำมันซึ่งมีความอ่อนไหวสูงต่อปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ ก็มีแนวโน้มพุ่งขึ้นทันทีหากเกิดเหตุการณ์จริง
ไทยอยู่ตรงไหนในสมการนี้
แม้ไทยจะไม่นำเข้าน้ำมันจากอิหร่านโดยตรง แต่ในปี 2567 ไทยนำเข้าพลังงานจากตะวันออกกลางกว่า 24,000 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 52% ของมูลค่าการนำเข้าพลังงานทั้งหมด โดยสัดส่วนหลักมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซาอุดีอาระเบีย และกาตาร์ ซึ่งต่างเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาช่องแคบฮอร์มุซในการขนส่งน้ำมันดิบ
ดังนั้น หากช่องแคบถูกปิดจริง ไทยย่อมหลีกเลี่ยงผลกระทบได้ยาก ทั้งในมิติราคาที่อาจพุ่งขึ้นทันที และในมิติของการขนส่งที่อาจหยุดชะงัก ก่อให้เกิดภาวะชะงักงันของวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมหลักหลายประเภท
เกษตรกรรมในวงล้อมความเสี่ยง
นอกจากน้ำมันแล้ว ไทยยังพึ่งพาการนำเข้าปุ๋ยจากตะวันออกกลางสูงถึง 42.37% โดยเฉพาะจากซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ จอร์แดน โอมาน และบาห์เรน หากการขนส่งจากภูมิภาคนี้หยุดลง หรือมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้น อาจนำไปสู่ต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นในภาคเกษตรกรรม
สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นทั้งในตลาดภายในและต่างประเทศ เกิดแรงกดดันต่อต้นทุนชีวิตของประชาชน และทำให้ผู้ซื้อในต่างประเทศชะลอคำสั่งซื้อ รอความชัดเจนของสถานการณ์
โลจิสติกส์โลกอาจต้องเขียนแผนใหม่
ผลกระทบจากความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ไม่ได้หยุดอยู่แค่ราคาสินค้า แต่แผ่ขยายไปถึงโครงข่ายโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ โดยข้อมูลจาก Linerlytica ประเมินว่าการปิดช่องแคบฮอร์มุซอาจกระทบปริมาณตู้คอนเทนเนอร์ราว 3.4% ของการหมุนเวียนทั่วโลก หรือประมาณ 21 ล้าน TEU โดยเฉพาะตู้สินค้าที่ผ่านท่าเรือในอ่าวเปอร์เซีย เช่น Jebel Ali, Doha และ Dammam
ท่าเรือของอิหร่านเองก็ต้องพึ่งพาช่องแคบดังกล่าวในการขนส่งสินค้าเช่นกัน ซึ่งรวมถึงสินค้าที่จะถูกส่งต่อไปยังประเทศอื่นผ่านท่าเรือของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ความเปลี่ยนแปลงในระบบการขนส่งเช่นนี้อาจส่งผลต่อเส้นทางเดินเรือและต้นทุนของผู้ส่งออกไทยในระดับที่ต้องมีการวางแผนใหม่ทั้งหมด
ข้อเสนอจากภาคธุรกิจ
คงฤทธิ์ จันทริก ผู้อำนวยการ สรท. ระบุว่าขณะนี้ผู้ประกอบการควรเร่งปรับกลยุทธ์ โดยเริ่มจากการพิจารณาสำรองน้ำมันดิบ และมองหาทางเลือกใหม่ในการจัดหาพลังงาน เช่น การเพิ่มสัดส่วนจากสหรัฐฯ หรือการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน
ในด้านโลจิสติกส์ ควรเจรจากับคู่ค้าต่างประเทศถึงทางเลือกอื่น เช่น การใช้ท่าเรือรองอย่าง Jeddah หรือ Salalah และวางแผนการขนส่งทางบกเสริม เพื่อเลี่ยงความไม่แน่นอนจากการผ่านช่องแคบฮอร์มุซ พร้อมตรวจสอบพิธีการศุลกากรล่วงหน้าในกรณีที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางหรือส่งสินค้ากลับ
ทางเลือกที่ยังเปิดอยู่
ขณะนี้ การเดินเรือยังคงดำเนินไปตามปกติ สรท. ยังไม่พบการยกเลิกบริการจากสายเรือหลัก แต่กำลังติดตามสถานการณ์แบบเรียลไทม์อย่างใกล้ชิด และเปิดช่องให้ภาคเอกชนเสนอข้อเสนอแนะต่อกระทรวงพาณิชย์ได้ทันที หากพบความเปลี่ยนแปลงที่ต้องรับมือเร่งด่วน
ในห้วงเวลาที่ความเสี่ยงจากภูมิรัฐศาสตร์เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นข้อเท็จจริง ภาคธุรกิจไทยอาจไม่มีเวลาเหลือมากนักในการเตรียมตัว หากต้องรับมือกับความปั่นป่วนจากเส้นทางยุทธศาสตร์ที่ไม่เคยนิ่งอย่างช่องแคบฮอร์มุซ
Tag
ยอดนิยมในตอนนี้
