โลกกังขา! วัคซีนโควิด-19 ของออกซ์ฟอร์ด อาจมีปัญหาเรื่องประสิทธิภาพ?

นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างตั้งคำถามกับวัคซีนของบริษัท AstraZenecaที่วิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford ที่พบว่ามีประสิทธิภาพไม่คงที่ และอาจมีปัญหาเรื่องความโปร่งใส เกิดอะไรขึ้น 

นักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกต่างตั้งคำถามกับวัคซีนของบริษัท AstraZenecaที่วิจัยร่วมกับมหาวิทยาลัย Oxford ที่พบว่ามีประสิทธิภาพไม่คงที่ จนนำมาซึ่งความกังวลเรื่อง “ความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลของวัคซีนต้านโควิด-19” ตัวนี้ ทำให้ล่าสุดทางบริษัทระบุว่าจะทำการศึกษาและวิจัยวัคซีนต้านโควิด-19 ของพวกเขาเพิ่มเติม 

-ผลการวิจัย-

การตั้งคำถามดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่บริษัท AstraZeneca ได้เปิดเผยถึงผลการทดลองวัคซีนระยะที่ 3 เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา และพบว่า มีประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19 ได้ระหว่าง 70-90% ขึ้นอยู่กับปริมาณโดสที่ใช้ นั่นคือ

กลุ่มแรก อาสาสมัคร 8,895 คน - ฉีด โดสที่ 1 เต็มจำนวน และเว้น 28 วัน ก่อนฉีดโดสที่ 2 เต็มจำนวน จะพบว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ได้ราว 62%

กลุ่มที่ 2 อาสาสมัคร 2,741 คน - ฉีด โดสที่ 1 ในปริมาณเล็กน้อย และเว้น 28 วัน แล้วทำการฉีดโดสที่ 2 เต็มจำนวน จะพบว่ามีประสิทธิภาพในการกันโควิด-19 ได้ราว 90%

ทำให้รวมแล้ว ค่าเฉลี่ยของประสิทธิภาพของวัคซีนอยู่ที่ 70%

ด้านเมเนลาส พานกาลอส หัวหน้าทีมวิจัยของ AstraZeneca ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สเมื่อวันจันทร์ หลังประกาศประสิทธิภาพนี้ออกมาพบว่า มันเป็นการค้นพบประสิทธิภาพโดยบังเอิญด้วย เพราะบังเอิญมีกลุ่มตัวอย่างย่อยบางกลุ่มที่ได้รับการฉีดวัคซีนในปริมาณที่น้อยกว่าปกติ โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ เป็นความผิดพลาดจากห้องแลป 

จุดนี้เองที่สร้างความงุนงงให้กับนักวิจัย และนักวิทยาศาสตร์ ว่าทำเหตุใดการให้วัคซีนในปริมาณที่น้อย จึงได้ผลดีมากกว่า ในปริมาณที่มากกว่า 

-นักวิทย์กังวลเรื่องความโปร่งใส-

จากข้อมูลดังกล่าว ทำให้ผู้เชี่ยวชาญบางคนตั้งคำถามอีกว่า เป็นไปได้หรือไม่ ว่าทางบริษัทกำลังปิดบังข้อมูลบางอย่างอยู่ เพื่อพยายามจะให้มีการผ่านการอนุมัติใช้วัคซีนในสหรัฐอเมริกา และกลุ่มสหภาพยุโรปให้ได้โดยเร็ว หลังจากที่วัคซีนของบริษัทอื่นได้เริ่มยื่นเรื่องขออนุมัติใช้งานกันแล้ว เพราะหากรู้ว่าเกิดข้อผิดพลาดตั้งแต่แรก ก็ควรที่จะแถลงตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่ประกาศเรื่องประสิทธิภาพแล้ว 

ดร. แซด โอเมอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวัคซีน แห่งโรงเรียนการแพทย์เยล ระบุว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนในปริมาณที่น้อย แต่มีประสิทธิภาพสูงมาก พบว่าเป็นกลุ่มคนจำนวนน้อย และผลลัพธ์อาจไม่เป็นไปตามนั้น หากจำนวนคนทดลองมากขึ้น 

พาสคัล โซริออต ซีอีโอของ AstraZeneca ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ส เมื่อวานนี้ว่า ทางบริษิทและนักวิจัย จะเร่งทำการศึกษาและวิจัยเพิ่มเติม ถึงปริมาณการใช้ในโดสที่น้อยกว่า ที่พบว่าให้ประสิทธิภาพป้องกันโรคได้มากกว่า และอาจจะต้องทำการศึกษาในระดับนานาชาติ แต่ก็เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันรวดเร็ซ เพราะเรารู้ดีว่าประสิทธิภาพของวัคซีนมันค่อนข้างสูงอยู่แล้ว จึงอาจจะสามารถทำการทดลองในกลุ่มอาสาสมัครที่น้อยลงได้ 

เมเนลาส พานกาลอส หัวหน้าทีมวิจัยของ AstraZeneca ยังบอกด้วยว่า "ความผิดพลาดที่ว่านี้ มันไม่เกี่ยว" เพราะในเมื่อคุณก็ได้เห็นข้อมูลแล้ว ข้อมูลของการฉีดวัคซีนแบบ full dose มันก็พบว่า  วัคซีนของบริษัทนับว่าตรงตามเกณฑ์ในการอนุมัติ ที่ตั้งไว้ 60%

แต่ทางรัฐมนตรีสาธารณสุขอังกฤษ แมท แฮนคอก กล่าวในวันศุกร์ว่า รัฐบาลอังกฤษ ได้ยื่นเรื่องให้กับหน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของังกฤษ หรือ MHRA เพื่อขออนุมัติการใช้วัคซีนแล้ว และหวังว่าจะเริ่มต้นการฉีดวัคซีนได้ก่อนคริสต์มาสนี้ 

ซึ่งทาง AstraZeneca ตั้งเป้าว่าจะผลิตให้ใช้ในอังกฤษ 4 ล้านโดสภายในสิ้นปีนี้  พร้อมขอให้ MHRA อนุมัติวัคซีนของไฟเซอร์และไบโอเอ็นเทคที่มีประสิทธิภาพ 95% ด้วย

สำหรับองค์การอาหารและยา ของสหรัฐฯ หรือ FDA กำหนดเกณฑ์การอนุมัติไว้ที่ 50% แต่ก็ยังไม่ชัดเจนว่า FDA จะให้ผ่านได้หรือไม่ 

อีกทั้งเมื่อวานนี้ ทาง Oxford และ AstraZeneca ยังให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่า ไม่สามารถให้ข้อมูลได้ว่ามีกลุ่มคนในช่วงอายุใดบางที่ได้รับวัคซีนในปริมาณที่น้อยกว่า

ผลจากเรื่องนี้ ทำให้หุ้นของ AstraZeneca ร่วงลงกว่า 6% หลังแถลงเมื่อวันจันทร์

เกาะติดข่าวที่นี่
website: www.TNNThailand.com
facebook : TNNThailand
facebook live : TNN Live
twitter : @TNNThailand
Line : @TNNONLINE
Youtube Official : TNNThailand
Instagram : @tnn_online
TIKTOK : @tnnonline